ใครที่เคยมีแฟนดี๊ดี จึงย่อมเก็บเค้าไว้ในความทรงจำของหัวใจใช่ม้า ฉะนั้น สัปดาห์นี้ ไม่แตะแฟนเก่าที่ทำให้พวกเรามีความทรงจำสุดหวานแหววต่อกันดีฝ่า เพราะอยากประจาน เจ้าแฟน เก่าตัวแสบ ที่เคยสร้างแผลใจไว้ให้แก่กันจนลืมไม่ลง ให้ฟัง เอ้า เผื่อท่านผู้อ่านจะได้ดีใจไง ว่าเนี่ย...บุญแค่ไหนแล้วที่ชั้นเอาตัวรอดจากเค้า (แฟนเก่าน่าตื้บ)มาได้ไม่งั้นป่านนี้คงหลงผิด คิดสั้นอยู่กับคนที่ไม่รักเราจริงน่ะเซ่อุตส่าห์ถอนตัวและถอนใจมาได้ไชโย อ๊ะ....แล้วแฟนเก่าห่วยแตกที่ว่า มีใครบ้างน้อที่เข้าข่ายนี้? แซมเปิ้ลให้ก็ได้ เช่น....


1. แฟนเก่าบ้ายอเกี่ยวกับความสามารถบนเตียง มีงี้ด้วยนะ
โอ๊ยขืนมีแฟนเก่าที่ชอบคะยั้นคะยอให้คุณสรรเสริญเยินยอเค้าถึงความเก่งฉกาจในเรื่อง ลีลาบรรเลงรักไปซะทุกครั้งที่ชวนกันเมกเลิฟละก็ คงเซ็งเลยล่ะสิ ก็จะไม่ให้เฉาใจได้ไง ในเมื่อคุณต้องกัดลิ้นตัวเองชมเค้าว่า เก่งจัง, เด็ดมากเลย หรือ เมื่อกี้มันเยี่ยมจริงๆ ทั้งที่เค้าไม่ได้ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียวปานนั้นสักหน่อย แต่คุณกลับต้องโกหกเพื่อเอาใจเค้าซำเหมอเนี่ยนะ แล้วคิดเรอะว่า สักวันคุณจะไม่หลุดปากพูดความจริงแท้แน่นอนนั้นออกมา เชอะ ส่วนเค้าก็ประสาทแฮะ ชอบให้ยออยู่ได้ หยั่งงี้คงมีปมในใจ ล่ะสิท่า นี่หากคุณไม่ชมเค้าสักครั้ง พี่แกคงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแหงเลย เฮ่อ มีแฟนเก่าที่ชอบยกหางตัวเองแบบนี้ก็ไม่ไหวอะ


2. แฟนเก่าขี้ขโมย
เค้ามักจิ๊กของของแฟนไปโดยที่คุณ (ซึ่งเป็นแฟนน่าสงสารของเค้านั่นแหละ) ไม่ทันสังเกตบ้างรึเปล่าล่ะ? ไม่ว่าจะเป็นของใช้ภายในบ้าน เช่น สบู่, ผ้าเช็ดตัว, ยาสีฟัน, สเปรย์ระงับกลิ่นตัว และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อเอาไปใช้ที่บ้านของเค้าน่ะสิถามได้ รวมไปจนถึงสิ่งของราคาที่แพงขึ้นเรื่อยๆ อย่าง วิทยุสเตอริโอ, กล้องถ่ายรูป, นาฬิกา และถ้ายกไปได้ บางทีโทรทัศน์หรือตู้เย็นก็อาจโดนด้วย ขืนมีแฟนหยั่งงี้ ก็สมแล้วล่ะที่จะยกตำแหน่งแฟนเก่าให้เค้าไป เพราะท่าทางจะเป็นมิจฉาชีพมากกว่าชวนคว้ามาเป็นแฟนนะ อ้อ แล้วรถยนต์อีกอย่าง ถ้าจะให้ยืมใช้หรือให้ไปเลย ก็พูดกันให้เคลียร์ซะก่อนเหอะ จะได้ไม่มีเรื่องตบตีจนเป็นเรื่องเป็นราวกันทีหลังไงยะ โถ อยากเป็นข่าวก็ไม่บอก แค่นี้ต้องแย่งกันด้วย


3. แฟนเก่าขี้หลี ชอบแจกขนมจีบไม่เว้น แต่ละวัน อู้ย ทำขนมจีบไปแจกทันรึจ๊ะ
คนหยั่งงี้คงไม่ต้องบรรยายให้ยืดยาวเพราะรู้ๆกันอยู่ว่า พวกชอบขี้หลีน่ะ คือจอมเจ้าชู้ตัวฉกาจนั่นแหละ เชอะ เห็นคนอื่นหน้าตาดีหรือน่ารักไม่ได้ หัวใจเค้าจะอ่อนแอทันทีเพราะสะเออะไปชอบเอาไว้ดะ แถมไปจีบใครๆอยู่เรื่อย ทั้งที่ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่ 1 เดียวไม่พอ จะขอมี 2 3 4 มีไรมะ ซึ่งปัญหาชวนบ้านแตก หยั่งงี้บางคู่ไม่ต้องรอให้เป็นแฟนเก่า เค้าก็แสดง ความมักมาก และ มากรักออกมาได้เพราะแม้แต่คนที่เป็นคู่กันอยู่ในปัจจุบันก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหานี้เข้ามากวน ใจนะ ขนาดบางคู่ รู้ทั้งรู้สันดานของแฟนว่าเจ้าชู้ ก็ไม่เห็นจะทำอะไรได้ จึงปล่อยผีมันไป เพราะแต่งงานกันแล้วนี่หว่า ไอ้จะให้หย่ากันก็ไม่อยากหย่าไง จึงจำยอมรับสภาพไปตามนี้ โอ้โหน่าเห็นใจจังเยย

มีแฟนไม่รักเดียวใจเดียวก็ทำให้เราเก๊กซิม จนหน้าแก่กลายเป็นอาซิ้ม อาซ้อ หรือ อาแปะ (ในกรณีฝ่ายหญิงเจ้าชู้ซะเอง) งี้แหละ มิน่า ผู้หญิงที่มีแฟนเจ้าชู้ถึงขยันเก็บทรัพย์สินของฝ่ายชายมาไว้กับตัว เพราะขืนไม่ทำตัวเป็นรัฐมนตรีคลังของบ้านดูดิ่ เดี๋ยวเค้าเอาเงินไปปรนเปรอคนอื่นหมดก็แย่สิ เออ หากเอาไปบำเรอสาวๆยังพอว่า แต่ถ้าเอาไปปรนเปรอผู้ชายด้วยกันนี่ ชักจะยังไงๆแล้วเว้ยเฮ้ย!


4. แฟนเก่าที่เที่ยวบอกใครๆว่าเป็นฝ่ายทิ้งคุณ ไม่ใช่ว่าคุณทิ้งเค้า
ขืนมีอดีตรักเป็นพวกชอบปั้นน้ำเป็นตัว หรือพยายามใช้คำพูดให้ตัวเองดูดีในสายตาชาวบ้าน แล้วโยนบาปให้อดีตคนรักล่ะก็ ปวดเฮดแหง๋สิยะ แม้จะตามไปปิดปากหรือแก้ตัวกับเรื่องมุสาวาจาของไอ้นี่ไม่ได้ก็จริง แต่คุณควรเล่าให้เพื่อนสนิทฟังถึงความจริงมั่งนะ ส่วนคนอื่นจะเชื่อในสิ่งที่เจ้าแฟนเก่าพูดมั่วนิ่มยังไงก็ช่าง แค่นี้ก็เห็นกำพืดไอ้ แฟนเก่าเฮงซวยแล้ว แต่อย่าห่วงน้อง ในเมื่อความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เดี๋ยวเค้านั่นแหละจะหน้าแหก ตาถลน เพราะเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปเองแหละ


5. แฟนเก่าจอมงก มีการทวงข้าวของที่เค้าเคยให้คุณไว้ซะด้วยนะ
อู้ย มีการให้ของกันแล้วเอาคืนด้วยนะ ไม่ด้าน ไปหน่อยเหรอยะ หากคุณอยากสั่งสอนเค้า (ซึ่งเป็นแฟนเก่า) พอเป็นพิธี ก็แกล้งไม่คืนอะไรก็ตามที่เค้าอยากได้คืนสิ แต่ถ้าอยากตัดความรำคาญ ก็คืน ให้เท่าที่สามารถคืนได้ละกัน เอาสิ่งที่อยู่ในสภาพช้ำๆ นั่นแหละ คืนไป เพื่อแลกกับหัวใจที่แข็งแกร่งของเราคืนมาไงล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า


6. แฟนเก่าที่เอาเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวของ คุณและเค้ามาแฉ
ดูอย่างสามีของนักร้องหรือดาราดังๆระดับโลกละกัน ส่วนใหญ่ฝ่ายชายที่ฐานะด้อยกว่ามักวางยาทำเรื่องชั่วๆหยั่งงี้กับอดีตแฟนสาวนะ เอ้า อย่าง คู่ของบริตนีย์ สเปียร์ส กับสามีงี้ ไปอ้างต่อศาลขอลูกมาเลี้ยง ทั้งที่ฝ่ายชายก็ไม่อยากเลี้ยงหรอก แต่ อยากได้ตังค์จากนักร้องอดีตขวัญใจวัยรุ่นมากกว่า หรือ เจ.โล.ก็เคยโดนอดีตสามีขู่จะเขียนหนังสือแฉความสัมพันธ์ของพวกเค้าจนถูกเบรกมาแล้ว สาวๆจึงควรระวังไว้ อีกอย่าง อย่าไปถ่ายคลิปวีดิโอเซ็กซ์เอ็กซ์ให้เค้าเก็บไว้เชียว คิดแล้วหวาด-เสียวนะฮ้า

8 วิธี ฟื้นฟูจิตใจ


ไม่ว่าคุณจะเศร้า เหงา กังวล ท้อแท้ หวาดกลัว หรือผิดหวัง เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค อย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้นะคะ ชีวิตนี้ยังมีเรื่องดีๆ รออยู่อีกมากมาย เคล็ดลับฟื้นฟูจิตใจ ให้คลายจากความเครียด วิตกกังวล และหมองเศร้า ถือเป็นการปัดฝุ่นละอองในหัวใจ ลดความขุ่นมัวในอารมณ์
1) ทำอะไรช้าลง เช่น ออกเดินทางไปที่นัดหมายเร็วกว่าปกติ 10 นาที ชีวิตจะเร่งรีบน้อยลงและเครียดน้อยลง

2) ใกล้ชิดธรรมชาติ ต้นไม้จะช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวา และเป็นกุญแจไขไปสู่ความสุข

3) หาสัตว์มาเลี้ยง เพื่อผ่อนคลายความเครียด และช่วยคลายเหงา เช่น สุนัข, แมว และปลาทอง

4) ยิ้มสู้เข้าไว้ การยิ้มหรือหัวเราะ ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาน้อยลง

5) ให้รางวัลความสำเร็จกับตัวเอง หาเวลาพักสักนิดจิบชากาแฟสักหน่อย ก่อนจะเริ่มลุยงานชิ้นต่อไป

6) อย่ากลัวที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เมื่อรู้สึกว่าเก็บกดทนไม่ไหว หาตัวช่วยด่วนจี๋ อย่าปล่อยทิ้งไว้เป็นขยะอารมณ์

7) อ่านหนังสือ ไม่มีอะไรจะหันเหความเศร้าได้ดีไปกว่าการอ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม

8) ใช้วันหยุดให้เป็นประโยชน์ ถ้าเครียดนัก ลองลาพักร้อนยาวๆ จะช่วยทำให้สมองโล่ง


ทำไมคนเราต้องมีความรัก...

....ก็เพราะว่าเราทุกคนล้วนมีหัวใจ



ทำไมคนเราจึงต้องโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา...

....ก็เพราะเราต้องการใครสักคนมาช่วยเราดูแลหัวใจของเรา



ทำไมคนเราถึงไม่เคยพอกับความรัก...

....ก็เพราะว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อรักใครคนเดียว



ทำไมคนบางคนถึงไม่เคยพบกับความรักสักที...

....ก็เพราะว่าเขาไม่เคยเปิดใจตัวเองให้ใคร



ทำไมคนบางคนไม่เคยเปิดใจตัวเองให้ใคร...
....ก็เพราะว่าเขาอาจจะกำลังรอใครสักคนอยู่



ทำไมคนบางคนถึงต้องอกหักอยู่บ่อย...

....ก็เพราะว่าเขาปล่อยใจตัวเองตกหลุมรักอยู่ตลอดเวลา



ไม่ต้องเสียใจที่เขาไม่รักเรา...

....เพราะเราและเขาอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อรักกัน



ทำไมคนบางคนไม่เคยสมหวังกับความรัก...

....ก็เพราะว่าเขาอาจจะยังไม่เจอคู่แท้ของเขา



ทำไมคนบางคนยังไม่! พบคู่แท้ของเขา..!

....ก็เพราะว่าเขาอาจจะไม่เคยตามหาเลยก็ได้



ทำไมเราควรจะทำตัวเราให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา...

....ก็เพราะว่าเราไม่รู้ว่าจะได้เจอคนที่ถูกใจเมื่อไร



ไม่ต้องเสียใจที่เรายังไม่เจอคนที่เรารัก...

....เพราะว่าเมื่อเราเจอเขาคนนั้นเมื่อไร



เราจะรู้ว่ามันคุ้มค่ามากแค่ไหนกับเวลาที่เรารอคอย

จงทะนุถนอมหัวใจของเราไว้ให้ดี...


....เพราะว่าเมื่อเราเจอคนที่ใช่

จะได้มอบมันให้เขาด้วยความภูมิใจ



อย่าปล่อยให้โชคชะตาลิขิตชีวิตเราทั้งหมด...

....แต่จงใช้มันเป็นเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิต



โชคชะตาสามารถทำให้เราพบคนที่ถูกใจ...

....แต่ตัวเราเองเท่านั้นที่สามารถทำให้เขาคนนั้นรักเราได้

เป็นโสดแบบมีเบสิค


โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไรมีจริงใช่ไหม … เชื่อว่าในสถานการณ์ที่ประชากรเพศหญิงมีมากกว่าเพศชาย 4 เท่าตัวอย่างในปัจจุบัน คำถามนึงที่มักจะเกิดขึ้นกับสาวโสดทุกวัยก็คือ “เมื่อไหร่จะมีใครมารักเราซักที” หรือ “นี่ฉันจะเป็นสาวโสดคนสุดท้ายของโลกนี้รึเปล่านะ” …

คำถามเหล่านี้ล่ะค่ะที่สร้างความวิตกกังวลให้กับสาวๆ ที่ครองสถานภาพโสดมาข้ามเดือนข้ามปี หลายคนถึงกับจิตตกว่าชาติที่แล้วไปทำกรรมอะไรไว้ถึงไม่มีแฟนกับเค้าซักที แล้วคนที่เค้ามีแฟนเค้าทำบุญด้วยอะไรนะเค้าถึงได้โชคดีแบบนี้ T^T ของแบบนี้ ถ้าหากจะมีมันก็จะมาของมันเองค่ะ ความรักไม่ใช่เศษเหรียญบาทนะคะที่เราจะได้ไปมองหาตามพื้นแล้วก็เจอหล่นอยู่ เชื่อเถอะค่ะว่าเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีคู่ด้วยกันทั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าโชคชะตาจะพาให้เราพบคู่ของเรารึเปล่าก็เท่านั้นเอง

แต่สิ่งที่สำคัญเหนือกว่าการตามหาคู่แท้ ก็คือการอยู่กับปัจจุบันให้ได้อย่างมีความสุขต่างหากค่ะ
เพราะฉะนั้น เรามาใช้ชีวิตสาวโสดเปรี้ยวๆ เก๋ๆ ของเราให้มีความสุขกันดีกว่าค่ะ

และสาวโสดอย่างเราจะมีความสุขได้ก็ต้อง ….

1. ปรับโหมดตัวเองใหม่ การเป็นโสดอย่างมีความสุขต้องเริ่มตั้งค่าโปรแกรมตัวเองเสียใหม่ แทนการเดือดร้อนกับสถานภาพ เปลี่ยนมาเป็นยอมรับความจริง พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการถามตัวเองว่า “ฉันจะสร้างประโยชน์สูงสุดจากสถานภาพที่เป็นอยู่ได้อย่างไร” น่าจะเข้าท่ากว่านะคะ

2. รู้จักรักตัวเอง การเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง คือจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการสร้างในการสร้างพลังงานเชิงบวกขึ้นในใจ เมื่อเรารู้สึกดีกับตัวเองอย่างแท้จริง รู้สึกตระหนักถึงคุค่าที่มีอยู่ในตัวเองไม่จำเป็นต้องไขว่คว้าหา “ใครสักคน” ที่จะรักและยืนยันถึงคุณค่าต่อไป จำไว้นะคะว่าแม้การตามหาความรักจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่านั้นก็คือ การรักตัวเองให้เป็นเสียก่อน … สาธุ สาธุ

3. ทำความรู้จักกับตัวเองให้มากขึ้น ยิ่งคนเราใช้เวลาส่วนมากอยู่กับคนอื่นมากเท่าไร ตัวตนของเราก็ยิ่งมีโอกาสถูกกลืน ทำให้เราลืมทบทวนความต้องการส่วนลึกของตัวเองและลืมทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อตัวเองอย่างแท้จริง ดังนั้นเราจึงควรใช้เวลาแห่งการถือครองความโสด ชีวิตโสด ให้มากที่สุดด้วยการทุ่มเทเวลาให้กับการ ทำความรู้จักตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง โดยเริ่มด้วยวิธีการง่ายๆ เช่น จดบันทึกสิ่งที่คุณชอบและไม่ชอบลงในสมุด เดินทางท่องเที่ยวเรียนรู้ เปิดตา เปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรียนรู้ชีวิต ผู้คน สังคม และสิ่งๆต่างรอบตัวด้วยหัวใจที่พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เสมอ
4. เปิดตัวแบบสุดๆ แม้ว่าการเป็นโสดจะเป็นเรื่องดี แต่ถ้าเราเป็นโสดมานานก็อย่าปล่อยให้กับการอยู่กับตัวเองให้กลายเป็นคนโสดที่ปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกไป ดังนั้นเราจึงควรใส่ใจกับการ ขยายฐานความสนใจของตนเอง ด้วยการรับรู้ข่าวสารต่างๆให้มากขึ้น ทำกิจกรรมให้หลากหลายขึ้น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่ผู้อื่นให้มากพิเศษ และหาโอกาสรู้จักกับเพื่อใหม่ๆ สานสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่ “ใช่” ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น เพื่อชดเชยโอกาสที่เสียไปกับการอยู่คนเดียว ขอเพียงเราเปิดใจให้กว้าง ...เราก็จะกลายเป็นคนโสดที่มีเพื่อนมาก น่าคบหา มีเสน่ห์น่าสนใจมากขึ้นได้ง่ายๆ
5. เลือกทำในสิ่งที่ใช่ จำไว้เสมอว่าจะต้องเชื่อมั่นในจุดยืนของตนเอง ด้วยการ คิด พูด ทำ และเลือก เฉพาะสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและผู้อื่น ใช้ชีวิตให้คุ้มค่าสมควรแก่การที่ครั้งนึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์

6. สร้างสุขให้เกิดขึ้นด้วยตัวเองที่นี่และเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้ชีวิตโสดของเราให้ผ่านไปกับความผิดหวัง เศร้าสร้อย น้อยอกน้อยใจในโชคชะตาชีวิตที่ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครรัก เพราะชีวิตเรานั้นสั้นนัก ทำไมเราจึงไม่หัดที่จะสร้างความสนุกสนานและความพึงพอใจให้ชีวิตด้วยตัวเราเองที่นี่ เดี๋ยวนี้ หันมาทำสิ่งที่ฝันไว้ให้เป็นจริงดีกว่า ไหนๆ ก็มีโอกาสแล้วนี่

7. เหงาอย่างสร้างสรรค์ เหงาไหมคะ กับการอยู่เป็นโสด เหง๊า เหงา หรือเปล่าคะ ^_^ แทนที่เราจะปล่อยให้ตนเองผจญกับความเหงา กับหนังรักเพลงเศร้าเคล้าน้ำตาเพียงลำพัง ลองหันกลับมา ปลดปล่อยความเหงาอย่างสร้างสรรค์ด้วยการวาดรูป เขียนบันทึก หรือ เขียนบล็อกดีกว่าค่ะ อย่างน้อยก็เป็นการถ่ายถอดเรื่องราวชีวิตในรูปแบบของศิลปะเข้าท่าดีไม่น้อยเลยทีเดียวละ



8. อย่าสบายจนเคยตัว สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเป็นโสดนานเกินไปคือมักจะมีนิสัยชอบอะไรง่ายๆ รักที่จะทำตามใจตัวเอง และละเลยระเบียบวินัยเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง แต่ไม่ว่าความโสดจะทำให้ชีวิตของสาวๆ ง่ายขึ้นมากแค่ไหน สาวๆ ก็ไม่ควรปล่อยให้ความง่ายนั้นกลายเป็นความ “มักง่าย” เป็นอันขาด อย่าปล่อยให้อิสรภาพที่ได้รับจากเป็นคนโสดนั้น ทำให้เรื่อยๆ เอื่อยๆ หละหลวมระเบียบวินัยในการบริหารเวลา ในการทำกิจกรรมต่างๆ จนกลายเป็นคนสกปรก ซกมก รุงรัง จนลืมที่จะดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจให้แข็งแรงโดยการดูแลอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ชีวิตของคนโสดมีความสุขอย่างแท้จริง

ทั้ง 8 ข้อนี้เป็นแนวคิดดีๆ สำหรับสาวโสดที่ต้องการจะแฮปปี้กับชีวิตด้วยวิธีง่ายๆ นะคะ หัดมองอะไรในมุมกลับบ้างบางครั้งเราอาจจะเห็นข้อดีของมันอีกมากมายเลยล่ะ...



ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก

เด็กดีดอทคอม


พาแฟนเข้าบ้าน ให้ถูกใจแม่ (ไทยรัฐ)

ทำอย่างไรให้แม่ชอบแฟนของเรา หรือถึงขั้นรักด้วยยิ่งเลิศซะเลย...นี่ไม่ใช่เรื่องจิ๊บจ๊อยนะคะ เพราะหลายครอบครัวเจอปัญหา พาแฟนเข้าบ้านแล้วไม่ถูกใจแม่ให้ได้ยินกันบ่อย ๆ คุณแม่จึงขอแจมเลือกแฟนให้ลูกด้วยคน คล้ายกรณีของนักกีฬา ดารา และนักร้องบางคน คงเห็น ๆ กันอยู่

หากลูกคนไหนรักใครแล้วแม่ไม่ปลื้มด้วย โอกาสที่รักครั้งนั้นจะราบรื่นก็ยากเอาการ เพราะลูกเลือก "หวานใจ" เพียงลำพังได้ที่ไหน แม่ขอคัดกรอง "ดาร์ลิ่ง" ของลูกด้วยคน ซึ่งของอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าท่านอยากแทรกแซงชีวิตลูกทุกฝีก้าว หรือแม่เฮี้ยบกับลูกเกินไป อย่าเข้าใจผิด ...แต่ก็มีแม่จอมจุ้นเข้ามาป่วนชีวิตของลูกจริง ๆ แหละ ทว่า กรณีที่เล่าสู่กันฟังนี้ ไม่ใช่แม่จอมป่วน แค่อยากมั่นใจเท่านั้นว่าคนที่ลูกเลือกมารักนั้น เป็นคนที่รักลูกของแม่จริง ไม่รักเล่น ๆ รักไว้เผื่อเลือก หรือเห็นลูกเป็นของเล่น แล้วแม่คนไหนจะยอม มีแต่จะสู้เพื่อให้ลูกมีความสุขซะละมากกว่า

ดังนั้น หากตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะพาแฟนเข้าบ้าน เพื่อเปิดตัวกับแม่สักที ขอแนะว่าคุณทั้งคู่ควรรู้จักมารยาทในการมาเยือนบ้านแฟน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้านึกอยากพามาก็มา ยังไม่ทันเตี๊ยมกัน หรือดัดนิสัยแฟนให้เป็นที่พิศวาสของผู้ใหญ่ เพื่อให้ท่านเห็นแล้วรักซักกะติ๊ด โธ่ แล้วจะผ่านด่านแม่เรอะ เฮ้อ...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ระวังจะรักลำบากนะ อีกอย่างในโลกแห่งความจริง ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพาแฟน ไปแนะนำให้สมาชิกทางบ้าน ของทั้งสองฝ่ายรู้จักไว้อยู่แล้ว
ฉะนั้น ถ้าอยากให้แฟนชนะใจบุพการีของตัวละก็ ลองทำงี้ซิ...

1. ก่อนพาแฟนเข้าบ้าน ควรเล่าถึงครอบครัวของคุณให้เค้าฟังเป็นข้อมูลเบื้องต้น

จะได้เตรียมตัวเตรียมใจถูกไงเล่า แฟนจะได้ไม่ทำตัวเด๋อ ๆ ด๋า ๆ เวลาอยู่ต่อหน้าแม่ของคุณ รวมทั้งกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวด้วย ปกติหากใครรักแฟนจริง ต้องอยากแนะนำให้ทุกคนในครอบครัวรู้จัก และอยากให้สมาชิกทุกคนในบ้านรักเค้าด้วย ดังนั้น ถ้าแฟนรู้ล่วงหน้าว่าแม่ของเค้าชอบอะไร? เช่น ชอบทานผลไม้อะไร จะได้ซื้อไปฝากได้ถูกใจ แต่ถ้าคิดว่าให้ผลไม้เล็กน้อยไป ยังไม่สมกับฐานะของ "ว่าที่ลูกเขย หรือ ว่าที่ลูกสะใภ" จึงอยากหาอย่างอื่นไปฝากแทนก็ตามใจ

แต่อย่าซื้ออะไรที่เว่อร์ละกัน ขืนอวดรวยเป็นอาเสี่ยหรือไฮโซ เมื่อแรกเจอมันยังไงไม่รู้สิ แค่ปล่อยให้ เฟอร์นิเจอร์ที่ใส่โชว์ เช่น แหวน, สร้อย รวมทั้งของแบรนด์เนมที่ใช้ช่วยบอกฐานะก็พอแล้ว และในทางตรงข้าม อย่าแสดงตัวว่าชั้น "จน" ซะเต็มประดา ไม่งั้นแม่เค้าจะหวั่นใจหนักเข้าไปอีก ว่ารักของลูกจะไปรอดรื้อ? กัดก้อนเกลือกินจะไปอิ่มได้ไง

2. อย่าทำตัวตามสบายเกินไป
เตือนตัวเองไว้เสมอว่านี่ไม่ใช่บ้านเรา และที่สำคัญแม่ของเค้ากำลังจับตามองอยู่นะ ดังนั้น อย่านั่งปล่อยหวอ หรือแสดงพฤติกรรมเพี้ยน ๆ ล่ะ ถึงอากาศจะร้อนแค่ไหน หรือฝนชอบตกเพียงใด ถ้าเป็นชายเข้าบ้านหญิง อย่าได้ริใส่เฉพาะเสื้อกล้าม กับสวมกางเกงขาเข้าบ้านแฟนเชียวนะ ส่วนสาว ๆ ก็อย่านุ่งสั้น โชว์เสื้อเปิดสะดือ หรือใส่เสื้อปิดเฉพาะหน้าอกหน้าใจ แม้เคยใส่แบบนี้ทุกวันก็ลืมไปซะวันนึงละกัน หันมาสวมเสื้อผ้าที่พอดูดีมีสง่าราศี และเรียบร้อยพอเป็นพิธี แบบคนที่ รู้จักกาลเทศะซะเหอะ อย่างน้อยเก็บคะแนนนิยมจากแม่ของเค้าไปตุนไว้ก่อน

3. ถ้าแม่เค้าชวนทานข้าวที่บ้าน

ถ้าแม่เค้าชวนทานข้าวที่บ้าน จงอย่าปฏิเสธทาน ก็ทานสิจะเป็นไรไป แต่ขอให้ดูตาม้าตาเรือก่อนนะว่า แม่เค้าลงมือทำอาหารเองรึเปล่า? หากหม่าม้าของเค้าคุยเป็นตุเป็นตะว่า เป็นแม่ครัวฝีมือเยี่ยมกว่าใครในยุทธภพ แม้คำนี้อาจทำให้คุณหัวเราะอยู่ในใจ เพราะรู้ดีนี่ว่าแม่ของคุณต่างหากที่ไร้เทียมทาน และสามารถเอาชนะฝีมือเคาะตะหลิวของแม่เค้าได้สบาย ๆ

แต่เพื่อความผาสุก และสงบสุขภายในครัวเรือน ก็ปล่อยให้แม่เค้าภูมิใจต่อไปเหอะ ขืนหลุดปากพูดออกไป แล้วจะได้งาบลูกของท่านมาเป็นแฟนเรอะ โถ คิดอะไรอยู่ในใจไม่จำเป็นต้องพูดออกมาให้หมดก็ได้ อยากปากไวกะใครก็เชิญ แต่อย่าทำกะแม่แฟนละกัน ถ้าไม่อยากกลับไปโสดอีกละก็

4. ยิ้มแย้มอยู่เสมอ (แม้ใจจะเซ้งเซ็ง)

เพื่อทำให้แม่ของเค้าคิดว่า คุณพอใจที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่ากัดฟันฉีกยิ้มนะยะเดี๋ยวถูกจับได้ไล่ทันล่ะเป็นเรื่อง

5. ยอแฟนของคุณให้แม่เค้าฟัง

ทำให้แม่เค้าเชื่อว่าคุณมีสายตาแหลมคมแค่ไหน ที่เลือกเค้ามาเป็นแฟน แม้ไอ้สิ่งที่พูดออกไปน่ะ จริงครึ่งโม้ครึ่งก็เหอะ เพราะแม่ใคร ๆ ก็มองว่าลูกของตัวดีทั้งนั้น แต่อย่ายอจนแม่จับได้ไล่ทันละกัน ว่าที่พูดนี่ไม่ใช่ลูกชั้นซะหน่อย แค่เลี่ยงบาลีให้ท่านคิดว่า ลูกของเธอพอมีแฟนปุ๊บ ก็เปลี่ยนมาเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมปั๊บ...นี่ละใช่เลย

ถ้าทำได้ทั้งหมดนี้ รับรองสอบผ่านเอาชนะใจแม่เค้าได้แหง ๆ อ้อ อย่าลืมทำดีกับท่านให้สม่ำเสมอด้วยนะ แล้วเชื่อสิ ตำแหน่งขวัญใจไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกนะ


เป็นหญิงเผื่อเลือกของเขาอยู่หรือเปล่า (Lisa)

ใจจะขาดด้วยความเจ็บปวด เหมือนฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า "ไม่มีเขา แล้วฉันจะอยู่ได้อย่างไรกัน" คือความรู้สึกของ เตย ที่ถูก โจ บอกเลิกเมื่อสองปีก่อน

ด้วยคำพูดที่ออกมาจากปากของ โจ ง่าย ๆ ราวกับว่าเขาเลิกนัดกินข้าวเย็น เหตุผลที่ให้ก็แค่ เขาเจอคนใหม่ที่เข้าใจกันมากกว่า และที่สำคัญเธอสวยและน่าสนใจมากกว่า เตย หัวใจของ เตย แตกสลายนับแต่วันนั้น แต่เธอรู้สึกมีความหวังลึก ๆ ว่าวันหนึ่งโจจะกลับคืนมาคบกับเธอเหมือนเดิม เขาแค่หลงใหลได้ปลื้มกับคนใหม่ไปชั่วขณะเท่านั้น

เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป จะเอาอย่างไรกันแน่

ความรู้สึกของเตยที่ว่า "วันหนึ่งโจจะกลับมา" นั้นเป็นจริง เพราะหลังจากที่เลิกกันไปไม่ถึง 2 สัปดาห์ โจก็กลับมาติดต่อกับ เตย เหมือนเดิม พูดคุยกันเหมือนเพื่อนสนิท ลดจากอาการของการเป็นแฟนลงไป เพราะไม่ได้นัดดูหนังฟังเพลง กินข้าว หรือไปเที่ยวเตร่ แต่เขาโทรศัพท์มาปรึกษาหารือเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ ถ้าเป็นดาราให้สัมภาษณ์นักข่าวก็ต้องบอกว่ายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

การติดต่อระหว่างกันนั้นเป็นแค่เพื่อน แต่บางทีก็ลามไปเป็นเกือบ ๆ แฟน แต่ เตย ก็บอกตัวเองว่าไม่ใช่ เพราะ โจ ก็ยังคบกับผู้หญิงคนใหม่ที่สวยกว่า ขาวกว่าเธออยู่เหมือนเดิม ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่าน มา โจ ก็โทรศัพท์มาหา เตย เกือบทุกวัน ระยะหลัง ๆ นี่ไปมาหาสู่ที่ทำงาน ชวนออกไปกินข้าว จนเพื่อน ๆ ก็งง ๆ กับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ "ไหนว่าเลิกกันแล้ว"

เตย นั้นทำใจให้เลิกติดต่อกับ โจ ไม่ได้ เพราะมีความรู้สึกว่ายังรักเขาอยู่ จึงยอมมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนม แบบมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน อย่างที่เด็กวัยรุ่นเขาเรียกว่า "กิ๊ก" แต่คนอื่น ๆ เขาไม่เข้าใจด้วย เขาก็มองว่า เตย เป็นแฟน โจ

เตย พยายามหลายครั้งที่จะเลิกคบหากับ โจ อย่างถาวร แต่ไม่ประสบความสำเร็จสักที เตย คุยกับ โจ เหมือนกันว่าทำไมต้องมาโทรหาเธอบ่อย ๆ มีอะไรก็คุยกับแฟนตัวเอง โจ ก็ตอบอย่างที่ทำให้ เตย ปลื้มใจอยู่ลึก ๆ ว่า เพราะเขาไม่สามารถคุยกับแฟนได้อย่างที่คุยกับ เตย เขาคุยกับ เตย ได้ทุกเรื่อง และเธอยังเป็นที่ปรึกษาที่ดี เข้าอกเข้าใจ ไม่เหมือนแฟนเขาที่ไม่ยอมเข้าใจและรับฟังอะไรง่าย ๆ

ลมพัดหวน หรือสายน้ำไม่ไหวกลับ

เตย คิดจะเลิกตัดใจจาก โจ หลายครั้ง แต่ทำไม่ได้เสียที ด้วยความรู้สึกรักเขาทั้ง ๆ ที่ช่วงเป็นแฟนกันอยู่ โจ ก็ไม่รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเธอเท่าไหร่ หาว่าเธอผอมแห้ง หน้าอกแฟบ เขาจึงทิ้งเธอไปหาหญิงอื่นที่ขาว สวย หมวย เซ็กส์ มีหน้าอกคับ C แทนที่จะมาทนอยู่กับสาวคับ A อย่างเธอ

เตย พยายามหลายครั้งเพื่อพิสูจน์ว่า เขาจะทิ้งผู้หญิงขาวสวย หมวย เซ็กส์์ กลับมาหาเธอหรือไม่คิดจะเลิกกับเธอแน่นอน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะมีเพื่อนที่รู้ใจอย่าง เตย เอาไว้ด้วย

ชีวิตของ เตย เลยติดอยู่กับผู้ชายคนนี้มา 2 ปีแล้ว และเธอก็ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้า ไม่ได้มองหาผู้ชายคนใหม่ ไม่เคยเดตใคร ส่วนผู้ชายคนอื่น ๆ คงคิดว่าเธอยังเป็นแฟนอยู่กับ โจ เพราเขาจะคอยวนเวียนป้วนเปี้ยนมาหาเธออยู่เป็นกิจวัตร

ชีวิตของ เตย เลยย่ำอยู่กับที่ ความรักครั้งนี้ไม่พาเธอไปไหน มีแต่จ่อมจมอยู่กับอดีตและความเจ็บปวดปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่ โจ แต่อยู่ที่ เตย เองที่ต้องเลือกว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตรักของเธอเอง สิ่งที่เตยต้องทำคือ "ตัดสินใจให้เด็ดขาด" เลือกทางของตัวเอง


ข้อคิดสะกิดใจ

อย่าทำตัวอ่อนแอให้ผู้ชายรักเราไว้เผื่อเลือก

ควรยืนยันสถานภาพของคุณให้แน่ชัดกับผู้ชายที่คบด้วยว่า คุณเป็น "แฟน" ของเขา หรือแค่เป็น "เพื่อน" กันแน่

ถ้าผู้ชายไม่แสดงจุดยืนว่าเขาต้องการคุณเป็น "แฟน" อย่างแน่ชัดแล้ว คุณควรตัดใจทิ้งผู้ชายห่วย ๆ แบบนั้นไปเลย เพราะยิ่งเลิกเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะสามารถทำใจได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น และจะได้มีเวลาไปปิ๊งกับหนุ่มคนใหม่ที่ดีกว่าด้วย

ระวังผู้ชายประเภทที่คบคุณไว้เพื่อใช้เป็นเครื่องมืออย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เช่น เพื่อเซ็กส์ หรือเพื่อแก้เหงา ฯลฯ

ระลึกไว้เสมอว่า ผู้ชายไม่ได้ทำให้ผู้หญิงเรามีความสุข หากแต่จิตใจของเราเองต่างหากที่ทำให้เรารู้สึกสุขหรือทุกข์


เวลาออกเดทกับใคร เคยสงสัยมั้ยคะว่า ผู้ชาย? เขาคิด อย่างไรเกี่ยวกับตัวเราบ้างนะ และนี่เป็นอีก 10 อย่างที่ผู้ชายมักมองเห็น และใช้ประเมินตัวตนที่แม้ของหญิงคนนั้น ภายใน 10 วินาทีแรกที่เจอกัน

1. ความมั่นใจ
ผู้ชายส่วนใหญ่มักมองหาความมั่นใจในตัวผู้หญิงเป็นอันดับแรก ซึ่งสังเกตได้จากการทักทาย น้ำเสียง และการสบตา หากคุณสามารถพูดคุยได้อย่างเป็นธรรมชาติก็ถือว่าชนะใจเขาไปเกือบครึ่งแล้วละค่ะ

2. ความเพอร์เฟ็กต์
ผู้หญิงที่ดูดีไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือแม้แต่กระทั่งเล็บเท้าที่ถูกแต่งแต้มมาอย่างกิ๊บเก๋ มีสไตล์ มักทำให้ผู้ชายคิดว่า เธอดูเพอร์เฟ็กต์เกินไปหรือดูเชี่ยวเกินไป ซึ่งอาจหมายความรวมไปถึงเจ้าชู้มากเกินไปนั่นเองค่ะ

3. ความเซ็กซี่
แน่นอน ผู้ชายมักชอบมองผู้หญิงที่ความเซ็กซี่อยู่แล้ว แต่ความเซ็กซี่ก็ไม่ได้ตัดสินจากหน้าตาหรือเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันรวมไปถึงกิริยาท่าทาง น้ำเสียง และการใช้สายตาด้วยต่างหากล่ะ ถึงแม้ว่าคุณเกิดมาหน้าตาไม่สะสวยอย่างอั้ม-พัชราภา แต่หากฉลาดที่จะแสดงออก อย่างเช่น แทนที่จะทักทายเฉยๆ ก็ลองสบตาสักครู่ พร้อมกับแย้มริมฝีปากนิดๆ ก็ทำให้คุณ กลายเป็นสาวที่น่าค้นหาได้เลยนะคะ

4. โสดหรือเปล่า
ผู้ชายส่วนใหญ่มักจะแอบสังเกตว่า คนที่ปลื้มอยู่นั้นมีเจ้าของหรือยัง ซึ่งมองได้จาก หากมีชายหน้าตาดีเดินผ่านมา หญิงที่มีแฟนอยู่แล้วมักจะทำได้แค่มองเพียงแวบเดียว แต่ถ้ายังโสดอยู่ละก็ อาจถึงขั้นหันไปทั้งตัวได้เลยนะ

5. นิสัยชอบชิงดีชิงเด่น
ในกรณีที่คุณกำลังดินเนอร์กับชายหนุ่มอยู่นั้น เผอิญมีหญิงไม่ทราบที่มาเดินเข้ามาทักเขาเฉยเลย แถมยังทำมึนไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาอีกด้วย ถ้าหากคุณเกิดโวยวายและมองอย่างเกรี้ยวกราดละก็ เขาคงไม่แฮปปี้แน่ๆ แต่ถ้าคุณทำสุขุมและนิ่งเฉย นั่นแหละจะสร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างไม่รู้ลืมเลยละ

6. สายตาจ้องจับผิด
เมื่อคุณถูกแนะนำให้รู้จักกับชายหนุ่มคนหนึ่ง อย่า! ใช้สายตาเพื่อสแกนเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเชียวนะคะ เพราะผู้ชายคงจะไม่ชอบแน่ หากโดนจับจ้องด้วยสายตาแบบนี้

7. ความ Friendly
ผู้ชายส่วนมากมักมองหาความเป็นมิตร ความเรียบง่ายๆ สบายๆ และมีอารมณ์ขันในตัวหญิงสาว เพราะเขาจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดเมื่อต้องออกเดทกับคุณไงล่ะ

8. รูปร่าง
รูปลักษณ์ภายนอกก็เป็นสิ่งสำคัญ ถึงแม้ว่าหุ่นคุณจะไม่เซ็กซี่อย่างน้องแตงโม หรือหน้าตาไม่น่ารักถึงขั้นน้องมด หากแต่มีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองแล้ว บุคลิกที่แสดงออกมาก็จะดูดีไปด้วย แถมยังช่วยสร้างเสน่ห์ให้กับตัวคุณแบบไม่รู้ตัวอีกด้วยนะ

9. จู้จี้ขี้บ่น
ผู้ชายมักจะสังเกตผู้หญิงว่าจู้จี้ขี้บ่นหรือไม่จากการดูว่าคุณชอบขอเปลี่ยนเก้าอี้บ่อยๆ หรือเปล่า หรือชอบเล่าว่าวันนี้เจอปัญหาอะไรมาบ้าง ทั้งๆ ที่มันเป็นแค่เดทแรกระหว่างเขากับคุณ!

10. กำลังต้องการใครสักคน
เวลาที่เจอผู้ชายในเสปคที่ทั้งหล่อ เท่ และรวยสุดๆ หากคุณเผลอแสดงอาการปลื้มจนเวอร์ออกไปแล้ว อาจทำให้เขารู้ว่า คุณน่ะคงจะเพิ่งผ่านการอกหักมาหมาดๆ และกำลังมองหาเสาหลักอันใหม่อยู่แน่ๆ





ข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับความรัก

รักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม เติบโตด้วยการจุมพิต และจบลงด้วยน้ำตา

อย่าเสียน้ำตา ให้กับคนที่ไม่เคยเสียน้ำตาให้คุณ

เพื่อนที่ดีนั้นหายาก แต่ยากกว่าในการจะลาจาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมเลือน

สิ่งที่ทำยากสุด คือ การมองดูคนที่คุณรักไปรักคนอื่น

อย่าให้อดีตยึดติดกับคุณไว้ เพราะคุณจะพลาดสิ่งดี ๆ ที่จะผ่านมา

คนบางคนทำให้โลกนี้ เป็นโลกที่แสนพิเศษ เพียงแค่มีเขาอยู่ในโลกใบนี้เท่านั้น

อย่าขมวดคิ้ว เธอไม่รู้หรอกว่า มีใครบางคนหลงรักรอยยิ้มของเธอ

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ จนกระทั่งคุณตกหลุมรักเขาแล้ว

เพื่อนที่ดีเหมือนดวงดาว คุณจะไม่ได้เห็นพวกเขาตลอดเวลา แต่คุณจะรู้ว่าเขาอยู่ที่นั่นเสมอ

คุณจะทำอย่างไร เมื่อคุณรู้ว่า เพียงคน ๆ เดียวที่จะทำให้คุณหยุดร้องไห้ได้ คือคนที่ทำให้คุณร้องไห้

เพื่อนที่ดีที่สุดเหมือนใบไม้ 4 กลีบ ยากที่จะพบ และโชคดีที่พบกัน

สัมพันธภาพที่แท้จริง ไม่มีวันจบสิ้น

ความรักเป็นสิ่งที่ดี ยังไงก็ลองหันมามีความรักกันดีกว่า.







ที่มาข้อมูล : www.fwdder.com


คนที่เรารักเขาข้างเดียว
รักเค้าจะตาย ทำดีให้สารพัด แต่ทำไมเค้าถึงไม่รักตอบ ถ้าคุณไม่ได้บอกเค้าตรงๆ แล้วเค้าจะรู้ไหม คุณอย่าคิดว่าเค้าฉลาด แค่แสดงทีท่าเป็นห่วงเป็นใยเล็กน้อยแล้วเค้าจะรู้ถึงความรู้สึกที่อยู่ลึกๆ ในใจคุณได้ ถ้าคุณชอบใครก้อต้องแสดงความรู้สึกออกไปตรงๆ แต่ต้องแนะใจว่าเค้าไม่มีหวานใจตัวจริงอยู่แล้วนะค่ะ มิเช่นนั้นคุณอาจจะได้เป็นเจ้าของแห้วทั้งไร่ได้
แต่ถ้าเค้าไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน แล้วคุณก็ออกจะแสดงความในใจอย่างสุดโต่งไปแล้ว เค้าก็ยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น และมีทีท่าว่าไม่สนใจ นั่นแสดงว่าเค้าอาจจะหูหนวก หรือตาบอด หรือไม่อย่างนั้นเค้าก็อาจจะโง่กว่าที่คุณคิดเอาไว้มากๆ คุณก้อควรเปลี่ยนเป้าหมาย เพราะมิเช่นนั้นแล้ว คุณจะทิ้งเวลา และความจริงใจของคุณไปให้กับคนที่ไม่เคยแม้แต่จะแลเห็นถึงค่า และความสำคัญของมัน
เสียน้ำตาให้คนประเภทนี้ ก็เหมือนโยนบัตรเครดิตให้ลิงมันเอาไปใช้ล่ะนะ ไม่มีประโยชน์

จอมเจ้าชู้ แฟนเผลอ
พวกนี้ไม่จำเป็นต้องหล่อน่ะค่ะ เอาแค่คารมดี พูดเก่ง คุยสนุกก็พอ ถ้าคุณยังไม่ทราบว่าสุดสวาทขาดดิ้นคุณอยู่ในจำพวกนี้รึเปล่า มีวิธีสังเกตุง่ายๆ อยู่ 2 วิธีค่ะ
วิธีแรกก็คือ เค้าจะไม่เรียกคุณด้วยชื่อคุณ แต่จะใช้ว่าสุดที่รัก ไอ้อ้วน ตัวเล็ก หรืออะไรก้อได้ตามแต่จะสร้างสรรค์ และเค้าจะเรียกคนอื่นๆ ของเค้าด้วยชื่อเดียวกัน เพราะถ้าวันไหนเค้าเกิดสับสนขึ้นมา จะได้ไม่เกิดกรณีเรียกชื่อผิดให้คุณจับได้
วิธีที่สองคือ ดูเวลาไปเดินเที่ยวด้วยกันสิค่ะ ตาของคนกลุ่มนี้จะไม่มองตรงไปข้างหน้า มันจะเหลียวซ้ายแลขวา ล็อกแลกไปมา เป็นที่น่ารำคาญใจยิ่งนัก คุณไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าเค้าจะมีสุดที่รักอีกสักกี่คน เพราะอีกอาชีพนึงของคนจะพวกนี้คือ พนักงานสับรางรถไฟ
พวกนี้เป็นพวกไม่อิ่มรัก ถึงคุณจะทุ่มเทให้มาเท่าไหร่ เค้าก็ไม่รู้สึกพอ ต้องออกไปแสวงหารักจากคนอื่นๆ อีกเรื่อยไป อย่าคิดใช้คำที่ว่า “ขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึก” เพราะถึงแม้เค้าจะไม่มีคุณ เค้ายังมีคนอื่นๆ อีกมากมายให้คอยเทคแคร์อยู่
ถ้าคุณคิดว่า น้ำตาคุณจะเหมือนไม้เรียวเฆี่ยนควายให้หยุดเดิน คนประเภทนี้เหมือนควายเหล็กยันมาร์ ไม่มีเข็ดหลาบหรอก

รักน้อยๆ ต่อยหนักๆ
คนพวกนี้ออกจะเป็นเด็กอาร์ทปนซาดิสต์หน่อยๆ ชอบแต่งแต้มสีสันต์ให้กับใบหน้าคนรัก สีแดงนิดๆ ที่มุมปาก สีม่วงที่โหนกแก้ม เขียวมรกตรอบดวงตาเนี่ยะ เซ็กซี่นักในความคิดเค้าหล่ะ
ถ้าทางบ้านแฟนคุณเปิดค่ายมวย หรือตอนเรียนเค้าชอบเข้าชมรมยูโด หรือเทควันโด้ ก็ให้ระวังไว้ให้ดีนะค่ะ เพราะถ้าวันไหนเค้าเกิดหงุดหงิดขึ้น เค้าอาจจะใช้คุณแทนกระสอบทรายได้ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณก้อไปฝึกซ้อมมวยมาด้วยซะเลย พอถึงเวลาจะได้งัดวิชาออกมาใช้สู้กัน
พวกนี้เห็นน้ำตาไม่ได้ค่ะ เห็นแล้วมันเขี้ยวอยากเตะ เราจะเสียน้ำตาทำไมให้มันเจ็บตัวล่ะ

แต่เชื่อเถอะค่ะ ถ้าคุณรักใครคนหนึ่งอย่างสุดหัวใจ ถึงแม้เค้าจะร้ายกับคุณแค่ไหน ทำให้คุณเสียน้ำตามากสักเท่าไหร่ คุณก็ไม่มีเลิกกับเค้าได้ อย่างที่เค้าว่า “ความรักทำให้คนตาบอด”
คุณต้องมองดูความรักของคุณด้วยสายตาของคนอื่น ว่าถ้าเกิดมีเพื่อนคุณมาปรึกษาปัญหาเช่นนี้กับคุณ คุณจะบอกวิธีแก้เค้าอย่างไร เพราะถึงแม้คุณจะรักเค้าจนตาย ร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด คนเหล่านี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ทั้งหลายนี้ได้ อย่าเชื่อว่าคุณจะเปลี่ยนนิสัยเค้าได้ด้วยน้ำตา ถึงแม้ว่าเค้าจะเอาชีวิตเป็นประกัน ว่าจะไม่ทำอีกเป็นครั้งที่สอง สิ่งเดียวที่คุณต้องทำคือมีใจหนักแน่น อยากหลงเชื่อคำขอโทษ หรือคำหวานที่เค้าป้อนให้ มิเช่นนั้นแล้วมันก็จะกลับมาซ้ำรอยเดิม คุณต้องกลับมานั่งร้องไห้เสียน้ำตา ให้กับคนๆ เดิม ด้วยกรณีแบบเดิมๆ อีกเรื่อยไป
หยุดร้องไห้เถอะค่ะ คนพวกนี้ไม่ควรค่าแก่น้ำตาของคุณที่เสียไปหรอก ถ้าความรักทำให้คุณช้ำใจ ถ้าความรักทำให้คุณมีน้ำตา ก็สู้อย่ามีความรักดีกว่าค่ะ…..


ตะละแม่วีนัส



เฮ้อ...แล้วในที่สุดชีวิตคู่ก็ถึงทางตัน สายเกินไปที่จะแก้ไขอะไรต่อมิอะไรให้ดีขึ้น หนทางสุดท้ายคือการหย่าร้าง ในเมื่อเหตุการณ์ต้องจบลงแบบนี้ และต้องกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง การหย่าร้างจึงต้องมีกฎกติกามารยาทดังนี้



หาคนที่ไว้ใจได้



หาคนที่ไว้ใจได้ก่อนที่จะเอ่ยปากเล่าเรื่องให้เพื่อนฝูง หรือคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตญาติได้รับรู้เรื่องราว แล้วจะประหลาดใจเมื่อพบว่า มีคนตั้งตัวเป็นศัตรูในภายหลัง รับประกันได้ว่าจะมีทั้งเพื่อนและศัตรูในระหว่างดำเนินเรื่องหย่าร้าง อาจได้เห็นธาตุแท้ของคนก็คราวนี้ละ ปัญหาคือ บางครั้งกว่าจะมองคนออกก็ถลำลึกลงไปแล้ว เมื่อรู้ตัวว่าไว้ใจคนผิดก็สายเกินแก้ ดังนั้นถ้ารู้จักป้องกันตัวไว้แต่เนิ่นๆเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดให้ช้ำใจค่ะ



จดรายละเอียดทุกอย่าง




จดโน้ตทุกครั้งที่ไปพบทนายความของตัวเอง บันทึกคำถามและไอเดียทุกอย่างที่ผุดขึ้นมาในสมอง อย่าชะล่าใจคิดว่าจำได้หมด พอกลับบ้านก็ต้องมานั่งนึกแทบตายว่า ทนายพูดอะไรบ้าง อย่าไว้ใจตัวเอง ควรจดทุกอย่างลงบนกระดาษ ความเครียดจากการหย่ามีผลต่อความสามารถในการจำโดยตรง การจดโน้ตง่ายและประหยัดกว่าการโทรศัพท์ไปถามทนายเพื่อถามคำถามเดิมอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งทนายที่คิดเงินค่าปรึกษาเป็นรายชั่วโมง ควรจัดความคิดและค่าใช้จ่ายให้เป็นระเบียบก่อนเดินเข้าสำนักงานทนายความ ยิ่งใช้เวลาน้อยเท่าไรก็ยิ่งเสียเงินน้อยลงเท่านั้น เพราะฉะนั้นจดแหลกค่ะ



แจ้งความเมื่อถูกทำร้าย



ถ้าถูกทำร้ายร่างกายต้องแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันทันที อย่ายอมยกโทษให้เด็ดขาดค่ะ ลองถ้าได้เกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว...ย่อมต้องมีครั้งที่สองและครั้งอื่นๆตามมาแน่นอน อย่ากลัวว่าเหตุการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ถ้าไปแจ้งความ นอกจากลงบันทึกแล้วก็ควรถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย เอาไว้ยืนยันว่าเราถูกทำร้ายจริงๆนะ และถ้าปล่อยไปเรื่อยๆโดยไม่จัดการอะไรเหตุการณ์แบบนี้ก็จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก



อย่าเอาลูกเข้ามากี่ยวข้อง



อย่าปรึกษาเรื่องหย่ากับเด็กๆ อย่าดึงเด็กเข้ามายุ่งในระหว่างที่กำลังปรึกษา ถกเถียงหรือตัดสินใจเรื่องหย่า อย่าใช้เด็กเป็นเครื่องต่อรองหรือเอามาเป็นตัวปรองดองกัน การหย่าเป็นเรื่องของเรากับเขา อย่าเอาเด็กมาไว้ตรงกลาง ไม่ควรให้เด็กมารับรู้เวลาทะเลาะเบาะแว้งกัน การนำเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องจะทำให้เด็กสับสนและเจ็บปวดมากขึ้น หนำซ้ำเด็กจะรู้สึกผิดและรับผิดชอบการแตกแยกของพ่อแม่ ในขณะเดียวกันเด็กอาจคิดว่าตัวเองสามารถช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ แต่พอไม่สำเร็จเด็กก็จะกลุ้มใจและหมกมุ่นคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะช่วยประสานรอยร้าวให้พ่อแม่ได้



อย่าทำร้ายตัวเอง



การหาทางออกด้วยการกินเหล้าเมาเละเทะ หรือเสพยาคลายเครียด หรือกินทุกอย่างที่ขวางหน้า หรืออดอาหารไม่กินอะไรเลย การกระทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น และเป็นการทำร้ายตัวเองให้ย่ำแย่ลงไปอีก กลายเป็นเราที่ตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์นี้แบบไม่ต้องผุดต้องเกิดกันเลยละ เปลี่ยนความคิดเสียใหม่ค่ะ ยิ่งต้องเลิกรากันเราก็ยิ่งต้องสวยวันสวยคืน ควรดูแลรักษาสุขภาพให้ดี พักผ่อนให้เพียงพอ จัดตารางชีวิตใหม่ ยอมรับความจริงที่เจ็บปวด อย่าทำร้ายตัวเองเลยค่ะ ถ้าเราไม่รักตัวเองแล้วใครที่ไหนจะมารักเรา



อย่าใช้ทนายคนเดียวกับเขา



นี่คือความผิดพลาดอย่างมหันต์ การใช้ทนายคนเดียวกันไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเอาเสียเลย ทนายที่ไหนจะวางตัวเป็นกลางได้ในสถานการณ์แบบนี้ ลองคิดดูสิคะ ถ้าเราต้องการแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่ง แต่เขาเต็มใจให้เราเพียง 1 ใน 4 แล้วทนายจะทำอย่างไรกับเงื่อนไขนี้ อย่าคิดประหยัดเงินโดยใช้ทนายคนเดียวกัน แยกกันดีกว่าค่ะ เรื่องราวจะได้จบเร็วขึ้น ไม่ต้องยืดเยื้อให้เซ็งอารมณ์.


ถ้าความรักมีฉลากบอกวันหมดอายุก็คงดี...สัญญาณบ่งบอกว่ารักคุณหมดอายุ



เวลาเจอกัน เขาหรือคุณดูไม่มีความสุข ไม่ค่อยยิ้มหรือร่าเริงเหมือนเก่า
อ้างว่างานเยอะ ทั้งที่แต่ก่อนเห็นว่างจนต้องถามว่าไม่มีอะไรทำหรือ
โทรฯ ไปไม่ค่อยรับสาย หรือปิดเครื่อง
เวลาอยู่ด้วยกันมักมีโทรศัพท์สายแปลกๆ เรียกเข้ามาแต่เขาไม่รับ หรือเดินไปรับที่อื่น
มีเบอร์โทรศัพท์ขึ้นชื่อเพื่อนคนเดิมซ้ำๆ ถี่ผิดปกติ (เป็นหนึ่งในอุบายของผู้ชายซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เซฟชื่อผู้หญิง (อีกคน) แต่จะเซฟเป็นชื่อเพื่อนแทน)
ไปไหน ทำอะไรก็อ้างชื่อเพื่อนคนเดิมตลอดเวลา หรืออ้างชื่อเพื่อนที่เราไม่สามารถค้นหาได้ อย่างเช่น เพื่อนสมัยประถม
กระสับกระส่ายเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อน เพราะกลัวว่าเพื่อนจะหลุดพูดความลับของตัวเอง
หาเรื่องทะเลาะ ทำอะไรก็ดูผิดไปหมด ทั้งที่ทุกอย่างเราก็ทำเหมือนเดิมนี่นา
ทำอะไรก็ไม่หวานชื่นเหมือนเดิม อย่างเช่น เมื่อก่อนจะตามใจเรา อยากไปไหนพาไปหมด แต่ตอนนี้สถานที่เหล่านั้นกลายเป็นสถานที่น่าเบื่อ....อ มาก....ก


สังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ไว้ให้ดี แต่ถ้ามีโอกาสกันไว้ก่อนจะดีกว่ามานั่งแก้ เพราะถ้ารักหมดอายุจริงๆ ทางที่จะให้กลับมาสดใสเหมือนเดิมนั้นยากยิ่งกว่าการค้นหารักครั้งใหม่เสียอีก มาเร่งเติมสารกันบูดให้รักเรากันจะเหมาะกว่า ความสม่ำเสมอช่วยได้ เคยดูแลเขาอย่างไร วันนี้ก็ไม่ต้องทำมากไปกว่าเก่า เอาแค่ที่เคยทำนั่นแหละ แค่มีเซอร์ไพรส์ดูแลเอาใจเขาเป็นพิเศษปีละครั้งสองครั้งก็พอ ไม่ต้องมากเดี๋ยวเคยตัว



เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าคิดว่า ก็ฉันเป็นอย่างนี้ ใครจะทำไม เก็บอารมณ์เอาแต่ใจใส่กล่องล็อกกุญแจไว้เลย หันมาให้ความสำคัญกับคำว่า ถ้าเขาทำแบบนี้ฉันจะชอบไหม ถ้าไม่ แล้วฉันจะทำกับเขาแบบนั้นไปทำไม จะอยู่กันยืดกว่า ความในอย่านำออกความนอก



อย่านำเข้า คำโบราณนี้พูดไปอาจดูเชย แต่ใช้ได้ดีกับชีวิตคู่ในยุคไม่เหลือเงินให้ออมแบบนี้ ใส่ใจแต่เรื่องของเรา เอาเวลามาคิดเรื่องหาเงินเพิ่มดีกว่ามานั่งวิเคราะห์เรื่องชาวบ้าน หรือมัวแต่แก้ปัญหาส่วนตัวด้วยการหอบเรื่องไม่น่าเล่าของเราไปปรึกษาคนอื่นให้ขายหน้า



หมั่นพูดจาหวานหู ไม่ต้องถึงขั้นเธอจ๊ะ เธอจ๋า เอาแค่ไม่มึงวาพาโวย ไม่พูดจาเสียดสี



ไม่จิกกัดกันก็น่ารักแล้ว คิดก่อนพูด บางอย่างพูดแล้วไม่เกิดผลดี เก็บเอาไว้ก่อนก็ได้ แต่ถ้าบางอย่างต้องพูดเพราะจำเป็น เช่น เขาอินกับปัญหาเศรษฐกิจมากจนต้องแก้เครียดด้วยการไปสังสรรค์กับเพื่อนแทบทุกคืน ก็ควรพูดบ้างแต่ควรพูดในทำนองเป็นห่วงไม่ใช่ตำหนิ


ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก ไม่มีฉลากบอกวันหมดอายุที่ชัดเจนแต่ถ้าเราถนอมความรักที่มีให้กันไว้อย่างดี ก็ไม่ทางมีหมดอายุได้ง่ายๆ เราเองนั่นแหละที่จะหมดอายุ (เสียชีวิต) ไปก่อน จำไว้ว่า รักแท้จะคงอยู่ตลอดไป


ผู้หญิงสวยหลายคนมักจะทะนงตัวเอง ว่าจะใช้ความสวยสยบทุกสิ่งได้ ช้าก่อน! นับจากนี้เป็นต้นไป ความมีเสน่ห์ต่างหากที่จะตราตรึงหัวใจของชายหนุ่มที่คุณหมายปองไม่ให้ดิ้นหลุด แถมยั่งยืนยาวนานกว่าความสวยเป็นไหน ๆ ซึ่งการรู้จักบริหารเสน่ห์นั้นก็คือ การใช้จริตให้ถูกลักษณะนั่นเอง และในที่นี้มันคือเรื่องเดียวกัน

ปิ๊งหนุ่มคนไหนยิ้มให้ก่อนเลย
เป็นเคล็ดลับเด็ด ๆ แต่ง่ายแสนง่าย การส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเป็นการเปิดประตูเข้าหาเขาอย่างงดงามไม่เสียฟอร์มแต่อย่างใด การส่งยิ้มเป็นการส่งไมตรีอันดีใคร ๆ ก็ต้องรับไว้ทั้งนั้นแหละ การยิ้มคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ แต่อย่ามากจนอีกฝ่ายอ่านใจออกแล้วเผ่นแนบไปก่อนล่ะ จงยิ้มให้กับคนที่คุณคิดว่า "ปิ๊ง" และ "ตรงใจ" จริง ๆ การยิ้มไม่ควรยิ้มแค่ครั้งเดียวแล้วเลิกไปยิ้มครั้งที่สองของคุณจะทำให้หนุ่มที่กำลังลังเล เกิดความมั่นใจ และพร้อมที่จะเดินเข้ามาหาคุณเลยล่ะ

เรียกร้องความสนใจให้เป็น

เพราะสายตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ดังนั้น สาว ๆ อย่างเราต้องใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ แอบมองโดยที่เขารู้ว่าเราแอบมอง แต่ไม่ถึงกับจ้องเหมือนจะกลืนกิน เมื่อเขามองกลับมาให้หลบสายตาทำทีเป็นอายผู้หญิงต้องมีจริต รู้จักเอียงอายไว้บ้าง แต่ไม่ต้องถึงกับอายตัวม้วนเหมือนแยมโรลสอดไส้ก็ได้ มันจะเกินพิกัดความพอดี และหากมีโอกาสได้พูดคุยด้วยแล้ว ให้คุณร่าเริงใส่เข้าไว้ เขินได้ แต่ต้องควบคุมไม่ให้รั่วออกไปลองหาเรื่องคุยที่อยู่ในความสนใจของเขา อันนี้คุณต้องเป็นคนช่างสังเกตว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้จักสังเกตเงียบ ๆ (อย่าให้เขาจับได้ว่าคุณกำลังเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขา) เกี่ยวกับการกินอยู่ การแต่งตัว สิ่งที่เขาอยากพูดคุย ความสบายใจ และความสุขของเขาอยู่ตรง
ไหนหมั่นจดจำและปฎิบัติให้ถูกต้อง

ทำตัวลึกลับในบางเรื่อง

แม้คุณจะร่าเริงอารมณ์ดีสักแค่ไหน ในบางครั้งก็ควรมีบุคลิกเงียบขรึมบ้าง ทำตัวเองให้ลึกลับน่าค้นหาหน่อย เขาจะได้อยากเข้าไปค้นหาคุณ ทำแค่ให้เขาอยาก แล้วคุณก็แอบเปิดเผยเฉพาะเขาคนเดียว บางทีผู้ชายก็แอบความท้าทายเหมือนกัน เขาภูมิใจมากถ้าเขาแอบรู้ความลับของคุณเพียงคนเดียว ผู้หญิงบางคนมักมีความเข้าใจผิด ๆ ว่าควรจะเปิดเผยตัวตนให้ผู้ชายได้รู้จัก แต่อย่าลืมสิว่าหากคุณไม่มีอะไรในตัวให้รู้สึกว่าน่าค้นหาแล้วล่ะก็ ผู้ชายที่ไหนเขาจะมาสนใจ จำเอาไว้ว่าเมื่อเขาได้ใจเราง่าย เขาก็จะตีจากเราไปได้ง่าย ๆ เช่นกัน

หัดเป็นผู้ฟังและผู้ปลอบโยนที่ดี

เมื่อความสัมพันธ์ดำเนินมาถึงขั้นหนึ่งแล้ว ถึงเวลาที่คุณต้องแสดงความจริงใจออกมาให้เขาได้เห็น ด้วยการรับฟังเรื่องราวของเขา ให้เขารู้สึกว่าคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคนหนึ่ง และเขาได้รู้จักใครสักคนที่คอยเป็นเพื่อนคลายเหงา คอยปลอบโยนเรายามท้อแท้ เป็นวิธีการเอาชนะใจเขาที่แยบคายและมีแต่ผลดี ผู้ชายส่วนมากมักต้องการแฟนในแบบที่เป็นเพื่อน มากกว่าแฟนที่ทำตัวเหมือนแม่ เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาทุกข์ใจ มีปัญหา คุณไม่ต้องเข้าไปแก้ปัญหา หรือต้องให้เขาเล่ารายละเอียดอะไรมากมายหรอก แค่เดินเข้าไปนั่งใกล้ ๆ กุมมือให้เขาอุ้นใจว่ามีเราอยู่เคียงข้าง ผู้ชายร้อยทั้งร้อยแทบจะสยบให้คุณเลยล่ะ

เดทครั้งแรก

การสร้างความประทับใจเป็นเรื่องสำคัญ คุณผู้หญิงทั้งหลายควรทำตัวให้พิเศษกว่าทุกวัน เช่นอาจจะสวยกว่าวันธรรมดา ดึงดูดสายตาเขาไว้ให้ได้ แต่อย่าเว่อร์มากนัก แสดงกิริยาอาการเยี่ยงปกติทุกวัน ดูแลเอาใจใส่ ถือโอกาสเดทเรียนรู้เขาให้มากขึ้นในแง่มุมอื่น ๆ วางตัวให้เป็น อย่าแสดงออกว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มันเร็วเกินไปในเดทแรก สงวนท่าทีไว้สักนิด ไว้ให้เขาค้นหาในเดทครั้งต่อไป

เก็บรายละเอียด

ควรใส่ใจเรื่องเล็กน้อย เป็นเสน่ห์ของหญิงสาว สามารถจดจำเรื่องราวดี ๆ ของเขาไว้ได้ อย่างวันเกิดหรือวันสำคัญของเขา แล้วให้ความสำคัญกับมันประหนึ่งว่าเป็นของคุณเอง นอกจากคุณจะดูแลตัวเองแล้ว คุณต้องดูแลเขาให้เหมือนที่คุณดูแลตัวเองด้วย

รักษาโลกส่วนตัวของคุณไว้

ถ้าคุณกับเขาเพิ่งเริ่มคบกันไม่นาน อย่าให้เขารู้ว่า คุณหมกมุ่นกับเขามากเกินไป ชีวิตคุณเคยเป็นมาอย่างไร ก็ทำไปอย่างเดิม สงวนพื้นที่ของคุณไว้ไม่ให้เขาเข้ามารุกล้ำได้ เขาจะรู้สึกว่าคุณเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาและท้าทายกับเขามากเหลือเกิน ตอนนี้คือการพลิกเกมจากที่คุณชอบเขาก่อน ให้เขาเป็นฝ่ายตามเกมคุณบ้าง

ตระหนักถึงคุณค่าในตัวเอง

ข้อนี้สำคัญมากจริง ๆ ชายหนุ่มจะรู้สึกดีกับหญิงสาวที่รักและดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะคุณจะไม่สามารถรักใครได้ ถ้าคุณไม่รักตัวเองเสียก่อน

หนทางสู่การมีเซ็กส์

ผู้หญิงคนไหนที่คิดจะถวายตัวเพื่อมัดใจชายล่ะก็ หญิงสาวคนนั้นคิดผิด! เซ็กส์ที่สมบูรณ์แบบต้องเกิดจากความรักของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การมีเซ็กส์เพื่อเอาชนะสัญชาตญาณผู้ชายนั้น เมื่อได้สิ่งใดมาง่าย ๆ สิ่ง ๆ นั้นจะไร้คุณค่า เสน่ห์ของผู้หญิงอยู่ตรงที่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรใช้เซ็กส์ให้เกิดคุณค่า และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะลดคุณค่ามันลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี

ขอบคุณเนื้อหาดีจาก Labelle


ใครที่ชอบแชตออนไลน์หาคู่ วันนี้เรามีเทคนิคหาคู่ออนไลน์อย่างปลอดภัยมาฝาก...

1. เริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป :
ค่อยๆ สังเกตและเรียนรู้ว่าคนที่เรากำลังคบหาโดยไม่เห็นหน้าเห็นตานั้น เขาเป็นคนดีจริง ๆ หรือเปล่า โดยเราอาจจะเริ่มด้วยการสนทนากับเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไปทาง อีเมล แล้วค่อย ๆ เรียนรู้พฤติกรรมของเขา ความขดแย้งในตัวเขา และต้องฟังคำพูดของเขา ดูว่าเขาเป็นอย่างที่เขาบอกเราจริง ๆ หรือเปล่า คุณควรจะเชื่อสัญชาตญาณของตนเอง และเมื่อไหร่ก็ตามที่พบอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ให้เลี่ยงออกมาจากคนผู้นั้นให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง

2. อย่าพยายามเปิดเผยชื่อและข้อมูลส่วนตัวของเราเอง : บริการหาคู่ออนไลน์ต่าง ๆ เขาก็พยายามรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล ส่วนตัวของเราในระดับหนึ่งแล้ว แต่ที่สำคัญคือ ตัวคุณเองต้องแน่ใจว่า คุณไม่ใช้ชื่อจริง นามสกุลจริง หมายเลขโทรศัพท์จริง ที่อยู่จริง สถานที่ทำงานจริง ในการเข้าทดลองใช้บริการตามสถานที่เหล่านี้ และถ้าหากว่าบุคคลที่คุณกำลังทำความรู้จักทางออนไลน์อยู่นั้น พยายามให้คุณเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของตัวคุณเองอย่างเร่งด่วน คุณควรจะยุติความสัมพันธ์เสีย แล้วลองหาคนใหม่ที่คุณคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ไม่มีความกดดันจะดีกว่า

3. หัดใช้วิจารณญาณ หรือ common sense ของตัวคุณเองบ่อย ๆ : ระมัดระวัง คิดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจอันจะนำไปสู่การออกเดท คุณต้องทบทวน คิดแล้วคิดอีก ว่าเราควรจะไว้ใจคนผู้นี้ดีหรือไม่อย่าให้อารมณ์มาเหนือเหตุผล ที่สำคัญคุณจะต้องจำเอาไว้เสมอว่า อย่าตกหลุมรักใครเพียงแค่ click mouse

4. ขอให้เขาส่งรูปถ่ายมาให้ดู : รูปถ่ายจะให้แนวทางดี ๆ กับคุณเสมอ หรืออาจจะเรียกว่าคุณอาจจะเห็น หรือใช้สัญชาตญาณในการตัดสินใจบางอย่างจาก ถ้าคุณได้ภาพถ่ายของเขามาในหลาย ๆ อิริยาบถ เพราะจะบ่งบอกบุคลิกภาพ การดำเนินชีวิต รสนิยม และข้อมูลอื่น ๆ ของเขาได้

5. คุยกับเขาทางโทรศัพท์ : การพูดคุยการทางโทรศัพท์เป็นการช่วยเปิดเผยความเป็นตัวตนของคู่สนทนาได้มากทีเดียว อย่างน้อยคุณจะสามารถรับรู้ทักษะในการสื่อสาร และการเข้าสังคมของเขาได้จากการคุยโทรศัพท์ แต่ทั้งนี้คุณไม่ควรจะใช้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของคุณคุยกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน อาจจะลงทุนไปใช้โทรศัพท์สาธารณะเสียหน่อย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง กระทั่งเมื่อคุณรู้สึกคุ้นเคย และไว้วางใจในตัวเขา เมื่อนั้นค่อยให้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของคุณ

6. นัดพบกับเขาเมื่อคุณพร้อม : การใจร้อน...รีบร้อนอยากจะเห็นหน้าคู่สนทนาออนไลน์นั้น ย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน ทางที่ดีควรจะค่อย ๆ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาจากการพูดคุยทางออนไลน์และลองมาประเมินดูว่า คู่สนทนาของเรานั้น เขาน่าดึงดูดใจที่จะไปพบมากน้อยแค่ไหน บางครั้งถ้ารีบร้อนไปนัดหมายกับเขาไว้ แล้วเกิดเปลี่ยนใจที่หลัง ก็สามารถทำได้ คือ ถ้าใจเราคิดว่ายังไม่พร้อมก็อย่าไปฝืนเด็ดขาด จงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง

7. ใส่ใจกับพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก : ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์โกรธของเขา ความหงุดหงิด ความพยายามที่จะกดดันและควบคุมตัวเรา รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่น่ารักที่เราควรจะใส่ใจพิเศษ เพื่อนำมาประเมินว่า เราควรจะรักษาความสัมพันธ์ต่อไปอีกหรือไม่ และยังมีพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจอีกหลายอย่าง เช่น ไม่ให้ความกระจ่างชัดในเรื่องของอายุ ความสนใจ รูปลักษณ์ สถานภาพสมรส อาชีพ เป็นต้น

นอกจากนี้ คนที่ปฏิเสธที่จะคุยโทรศัพท์กับคุณก็ไม่น่าไว้ใจ ชอบพูดจาอ้อมค้อม คนที่เมื่อปรากฏตัวให้เห็นจริงๆ แล้ว แตกต่างจากในออนไลน์มาก คนที่ไม่เคยแนะนำคุณ ให้เพื่อนๆ หรือคนใกล้ชิดรู้จัก เหล่านี้พยายามหลีกให้ไกลเลย

8. เมื่อตัดสินใจที่จะนัดพบกันแล้วให้เลือกสถานที่ที่ปลอดภัย : ก่อนที่จะออกไปพบกับบุคคลออนไลน์นี้ คุณควรจะบอกเพื่อนหรือญาติให้ทราบด้วยว่า คุณจะไปไหน ทางที่ดีให้เบอร์โทรและชื่อของคนที่คุณจะออกไปพบกับคนที่บ้านคุณด้วย และที่สำคัญอย่าให้คู่นัดครั้งแรกของคุณมารับคุณที่บ้านเด็ดขาด ถ้าหากว่าเมื่อพบกันแล้ว ต้องการจะไปต่อที่อื่น ก็ให้คุณขับรถของคุณไปเอง แบบต่างคนต่างไปจะดีที่สุด

9. กรณีที่นัดพบกันต่างจังหวัด : อย่างเช่นว่า ต้องบินไปเจอกัน คุณก็ควรจะจองที่พักของตัวเองเช่ารถของตัวเอง และอย่าเปิดเผยชื่อโรงแรมที่คุณจองให้เขาทราบ และไม่ต้องให้เขามารับที่สนามบิน เมื่อลงเครื่องก็เช่ารถและขับตรงไปที่โรงแรมเลย เมื่อถึงเวลานัดหมายก็ออกมาพบตามสถานที่ๆ นัดไว้ และถ้าหากคุณมีโทรศัพท์มือถือ ก็จงพกติดต่อไปตลอด

10. เมื่อเจอสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจให้ถอนตัวทันที : อย่าทำอะไรลงไปทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจ ถ้าหากไปถึงสถานที่นัดหมาย แล้วเจอสิ่งไม่ชอบพากล ก็ให้รีบเปลี่ยนความตั้งใจทันที อย่าเสี่ยงเด็ดขาด คุณสามารถเรียกตำรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องรีรออะไร คำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก

รู้อย่างนี้แล้วถ้าจะรักใครชอบใคร ควรจะดูให้ดีก่อนจะดีกว่า จะได้เจอคู่รักที่ถูกใจและปลอดภัยด้วย.


1. จงใช้เวลาแก่ความสัมพันธ์ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างช้าๆ อย่าใจเร็วด่วนได้ ความชอบพออย่างแท้ จริงจะค่อยๆ เป็นไปอย่างช้าๆ

2. จงซื่อสัตย์และเปิดเผยกับคนรัก การโกหก ไม่ซื่อสัตย์จะทำลายมิตรภาพ

3. จงกระทำต่อผู้อื่นเหมือนอย่างที่คุณอย่างให้ผู้อื่นเขากระทำต่อตัวคุณ

4. นึกไว้เสมอว่าคนรักของคุณไม่ใช่คนดีพร้อม ไม่มีใครดีหมดทุกอย่าง บางทีข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ของคนรัก ก็กลายเป็นความน่ารักได้ ถ้าคุณใจกว้างพอ

5. จงภูมิใจในความสำเร็จของคนที่คุณรัก อย่านำไปเปรียบเทียบกับความสำเร็จของคุณหรือคนอื่นๆ เป็นอันขาด จงมองเฉพาะที่คนรักของคุณทำได้ จะมากกว่าคุณหรือน้อยกว่าคุณก็ “ดีมาก” ทั้งนั้น

6. อย่าคาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นเสมอ แม้คนที่กำลังรักกันแทบจะกลืนกิน ก็ยังมีข้อขัดแย้งหรือไม่ลงรอยได้บ้าง

7. ถ้าคุณพบคู่รักบางคู่คุยว่า เขาไม่เคยทะเลาะกันเลย ก็อย่าไปใส่ใจมากนัก เพราะเขาอาจไม่ได้ พูดกันเลย หรือไม่รักกันเลยก็ได้

8. ในกรณีที่ยังไม่มีคู่รักที่แท้จริง จงเปิดใจให้โอกาสพบปะผู้คนอื่นๆ ให้มากขึ้น คุณจะได้มีโอกาสพบคนที่คุณอยากรักจริงๆ ได้

9. จงมีส่วนร่วมต่อการสร้างความสัมพันธ์ อย่าคิดถึงความได้เปรียบเสียเปรียบ ถ้าคุณให้ของขวัญราคาแพงแก่คนรัก แต่เขาตอบแทนด้วยของขวัญราคาด้วยกว่า ก็ไม่เป็นไรเพราะเขาอาจไม่ สามารถให้อะไรกับตัวคุณได้เท่าที่คุณคาดหวังเอาไว้ ฝ่ายที่รับของจากคนรัก จงหาทางตอบแทนเสมอ แม้จะไม่เท่าและไม่เหมือนกันก็ไม่เป็นไร อย่าเป็นฝ่ายรับฝ่ายเดียว

10. จงเป็นนักฟังที่ดี แสดงว่าคุณเอาใจใส่และสนใจเขา เท่ากับแสดงว่าเขาเป็นคนสำคัญ

11. จงยิ้มกับคนรักเสมอ การยิ้มทำให้รู้สึกว่าคุณเป็นคนมีมิตรไมตรี

12. อย่าเปิดเผยความลับ หรือนินทาคนรักลับหลัง เพราะจะเป็นพิษต่อความรักอย่างยิ่ง

13. อย่าใช้ความรักไปหลอกลวงคนอื่น

14. จงถามเพื่อนที่สนิทว่า คุณมีจุดเด่นที่น่าประทับใจ หรือจุดอ่อนตรงไหนบ้าง ทุกคนมีจุดอ่อนในตัว คุณจะได้พัฒนา ปรับปรุงตัวเองให้น่ารักมากขึ้น

15. จงให้เวลาสำหรับความรักและคนรัก อย่าโหมทำงานมาก หรือออกสังคมมากไป จนทำให้สูญเสียคนที่เรารักและห่วงใยไป

16. จงบอกคนรักว่า เขาทำให้คุณสุขหรือสบายใจอย่างไร เขาพอใจที่จะได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น เช่น “อยู่กับคุณแล้วรู้สึกสบายใจและมั่นใจดีมาก”

17. อย่าพูดตัดพ้อ หรือต่อว่าโดยไม่คิด เช่น “คุณผิดเวลาอีกแล้ว” หรือ หรือ “คุณไม่รักฉันจริง” แต่จงบอกคนรักว่า “ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ใจคิดถึงคุณจัง” ทำนองนั้น

18. อย่าท้อแท้เมื่อเกิดความเข้าใจผิดหรือขัดใจกัน จงทำสิ่งที่เลวร้ายให้กลายเป็นสิ่งที่ดีงามต่อไป โดยมุ่งมั่นถึงการรักษาสัมพันธภาพที่ดีเอาไว้ และพยายามควบคุมช่วงเวลาเลวร้ายเหล่านั้นเอาไว้ ให้ได้

19. เรียนรู้อารมณ์ของคนที่คุณรัก อย่าหวังว่าเขาจะสดชื่น หรือเอาใจเก่งตลอดเวลา ในยามเขาเคร่งเครียดเหน็ดเหนื่อยจงอย่าสั่ง แต่จงให้ความสบายกายและความสบายใจแก่เขาตลอด

20. อย่าลืมคำชมเชย ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีแก่ทุกคน จงชมคนที่คุณรัก คำชมจะทำให้ความรักยั่งยืน

21. จงมีกิจกรรมร่วมกันที่สนุกสนาน เช่น การเดินทางท่องเที่ยวที่ไม่ลำบากนัก เล่นกีฬาบางอย่างด้วยกัน หรือเดินเล่นด้วยกัน เป็นต้น 22.กิจกรรมบางอย่างที่เราไม่ชอบ แต่คนรักชอบก็น่าจะลองกิจกรรมเหล่านั้นดูบ้าง

23. สนใจและช่วยจัดการในสิ่งจำเป็นของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ถ้ารู้ว่าอีกฝ่ายจะเดินทางไปไกล จงคิดว่าเขาน่าจะต้องการอะไรเพิ่มเติมบ้าง จงช่วยจัดหาหรือเพิ่มเติมให้เขานั้นแสดงถึงความเอาใจใส่ เขาอย่างแท้จริง

24. อย่าคาดหวังว่าคนรักจะให้สิ่งที่คุณต้องการได้ครบถ้วน เพราะจะทำให้คุณผิดหวัง และเป็นอันตรายต่อความรัก

25. อย่าดูหมิ่นหรือดูถูกคนรักว่าด้อยกว่า หรือเป็นหนี้บุญคุณ จงมองคนรักเหมือนคนที่เพิ่งพบและรู้ จักกัน และรักกันใหม่ๆ ทำให้เกิดความสนใจใยดีอยู่เสมอๆ ทุกๆ วัน ไม่เกิดความเบื่อหน่าย จำเจ

26. อย่าบีบบังคับความรัก เพราะความรักไม่อาจสร้างขึ้นตามความต้องการได้ แต่จงปล่อยให้มันพัฒนาไปตามเงื่อนไขของมันเอง อาจจะเริ่มจากมิตรภาพก่อนแล้วกลายเป็นความรักก็ได้


หลายๆ คนอ่านแล้วบอกว่าทำได้ยาก แต่อยากจะบอกว่า ไม่มีสิ่งใดยากเกินไปหรอก ถ้าเราทำเพื่อการพัฒนาตนเอง และพัฒนาความรัก จงใช้หลักง่ายๆ อีก 4 ข้อ คือ
1.ฝืนทำบ่อยๆ แรกๆ ทำไม่คล่อง ก็จงฝืนทำไป

2.ฝึกบ่อยๆ จนเป็นนิสัยที่ดีงาม

3.ข่มใจ อย่าเพิ่งเลิก อย่าเพิ่งท้อถอย ถ้าผลออกมาไม่ถูกใจ หรือเกิดความโกรธหรือเบื่อหน่ายกลางคันเสียก่อน ก็จงข่มใจทำต่อไป ช่วยทำให้เกิดการฝืนและการฝึกบ่อยๆ ได้ดีขึ้น

4.ลดตัวเองลง ต้องหมั่นลดตัวเอง อย่าอีโก้สูงนัก หรือคิดถึงแต่ตัวเองหรือมาตรฐานของตัวเองตลอดเวลา เพราะจะทำให้คุณทำสิ่งใหม่ๆ ที่ดีๆ ไม่ได้เลย

ลองดูนะคะ แล้วคุณจะมีความรักที่งดงามในหัวใจ และความรู้สึกได้แน่ๆ เป็นความสุขที่ใครๆ ก็อยากได้ เราขอให้ทุกท่านจงมีชีวิตใหม่ มีความรักใหม่ที่ดีๆ ตลอดไปค่ะ

ขอบคุณข้อความดีๆจาก teenee


1. ทำให้เขารู้สึกบ่อยครั้งว่าคุณจะขาดเขาไม่ได้


การจะทำให้คู่ชีวิตรู้สึกมีความสุขและมีค่า ก็ต่อเมื่อคุณทำให้เขารู้สึกว่าคุณคือเทพธิดาแห่งความสุขของเขา ให้เขารู้สึกถึงความไว้วางใจและความเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจ แต่ก็รู้คุณค่าและพร้อมที่จะทำอะไรที่แปลกๆด้วยกันเสมอ คุณต้องรุ้ถึงความต้องการของเขา เช่น

เขาเป็นคนบ้างานจนยากที่จะละทิ้งงานได้ง่ายๆ หากใช่ ก็ใช้วิธีดึงเขาออกมาจากการหมกมุ่นกับงานด้วยการไปรับเขาจากที่ทำงานเสมอ ชวนเขาไปเที่ยวนอกบ้าน อาจจะไปรับประทานอาหารในบรรยากาศที่โรแมนติก ชวนพูดคุยด้วยเรื่องที่จะทำให้เกิดเสียงหัวเราะสนุกสนาน อธิบายให้เขาเห็นภาพชุดชั้นในที่คุณกำลังสวมใส่ยั่วเย้าให้เขามีจินตนาการกับคุณ

2. ทำให้เขารู้สึกมีคุณค่าด้วยคำพูด


ในวันหนึ่งๆ คุณก็มีเรื่องต้องทำและรับผิดชอบมากมาย แต่ให้คุณเก็บไว้กับตัวคุณเอง การต่อว่าบ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ หรือวิจารณ์สิ่งต่างๆไม่ทำให้บรรยากาศคลายความตึงเครียดได้

จะดีกว่าถ้าคุณใช้คำพูดเพราะๆด้วยถ้อยคำที่ดูอ่อนหวาน มีเสน่ห์ ชื่นชม และคลุมเคลือเล็กน้อย เช่น "ดิฉันรู้สึกอยู่เสมอว่า คุณเป็นผู้ชายที่วิเศษจริงๆ" บอกเขาต่อไปว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร หลังจากนั้นใช้คำคมเล็กๆน้อยๆเพื่อประกอบการพูดคุยยได้ในกรณีนี้


3. พาเขาไปสู่โลกแห่งความสุข


ทำชีวิตประจำวันให้มีความสุข ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบพูดคุยเรื่องการจ่ายกับข้าวในแต่ละวัน ฉะนั้นแทนที่คุณจะคุยเรื่องการซื้อของ คุณควรพูดคุยถึงร้านอาหารที่บรรยากาศดีๆ เพลงไพเราะ ภาพยนตร์สนุกๆ หรือพูดบรรยายให้เขาจินตนาการถึงการสวมใส่เสื้อผ้าทันสมัยจนแทบสัมผัสได้ เขาควรจะได้รู้จักความสนุกสนาน มีชีวิตชีวา ไม่รู้เบื่อในตัวคุณ

4. การแข่งขันทำให้ผู้ชายมีชีวิตชีวา


กฎเดิมๆของผู้ชายก็คือ อะไรที่ผู้ชายอื่นชื่นชอบ ชื่นชมย่อมดีเสมอ เหมือนมีการแข่งขันกัน และถ้าเขาเป็นผู้ชนะก็จะนำมาซึ่งความภาคภูมิใจ ซึ่งในที่นี้รวมถึงผู้หญิงด้วย ฉะนั้นคุณก็ควรจะทำตัวให้มีเสน่ห์ในสายตาชายอื่นด้วย เพราะอย่างน้อยก็ให้แฟนคุณเห็นว่า คุณยังสวยและมีเสน่ห์เตะตาผู้ชายอื่น แต่แฟนคุณเท่านั้นที่ได้ครอบครองคุณ

5. เตรียมความพร้อม (ก่อนขึ้นเตียง)


คุณควรจะรู้ใจเขาว่าชอบให้คุณสวมชุดนอนแบบไหน เช่น สายเดี่ยวผ้าบางเบาที่ดูเซ็กซ์และถอดง่าย คุณควรปล่อยให้เขาเป็นผู้ถอดชุดนอนให้คุณเอง แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ว่าหลังแต่งงานแล้วผู้หญิงมักปล่อยตัว ทั้งๆที่ก่อนแต่งงานเธอแต่งตัวสวยงามอยู่เสมอ ดังนั้นอย่าปล่อยตัวให้เป็นยายเพิ้งเฝ้าบ้าน

จงทำให้เหมือนนางแบบที่มีเสน่ห์ทางเพศ ทำให้ผู้ชายหลงใหลเมื่อเธอทิ้งสายตายั่วเย้า คุณจึงควรใช้เสน่ห์ความเป็นหญิงของคุณปลุกเร้าอารมณ์เขา เช่น ส่งสายตาเซ็กซี่หรือยิ้มที่ยั่วยวน สิ่งเหล่านี้ไม่ยากที่คุณจะลงมือทำไม่ใช่เหรอ

6. ทำให้เขาประหลาดใจ


ไม่มีอะไรที่จะยั่วยวนผู้ชายได้เท่ากับความเป็นหญิง คุณควรปั่นอารมณ์เขาเล่นบ้าง เช่น "ดิฉันอยากไปว่ายน้ำกับคุณ เปลือยกายด้วยกันนะ" หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้เขาตื่นเต้นประหลาดใจ

ที่มา...Fm...mail


1. อย่าพยายามสร้างโอกาสใกล้ชิดกับเขา

2. หลบหน้าหลบตาเขาไปเลยถ้ายังทำใจไม่ได้

3. บอกตัวเองว่ามาทำงานเพื่อรายได้ ไม่ใช่มาหาคนรัก

4. พยายามทำตัวเองให้ยุ่งมากๆ จะได้คิดถึงเขาน้อยลง

5. การถูกปฏิเสธไม่ใช่การเสียฟอร์ม แต่เป็นการทำให้ตัวเอง ได้รับคำตอบที่ชัดเจน และตัดใจได้

6. เมื่อต้องทำงานร่วมกับเขา พยายามทำให้เต็มสปิริตด้วยจรรยาบรรณและหน้าที่

7. ยอมรับกับตัวเองไปเลยว่ายังทำใจไม่ได้ในช่วงแรก และไม่ต้องพยายามกลบเกลื่อน เพียงแต่ต้องคิดให้ตกว่าจะปฏิบัติ กับเขาอย่างไรในอนาคต

8. เพิ่มความนับถือให้ตัวเองมากขึ้นด้วยการทำให้ตัวเองสวยและฉลาดขึ้นกับการลงคอร์สความงาม หรือเรียนปริญญาโทอีกใบ

9. อย่าทำตัวเป็นองุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน เอาเขาหรือคนที่เขาคบไปพูดในแง่ลบเด็ดขาด เพราะตัวเองที่จะถูกมองในด้านเสื่อมเสีย

10. ถ้าทำทุกอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ยังทำใจไม่ได้ ลองให้เวลาตัวเองอีก 3 เดือนเพื่อหางานที่ถูกใจที่อื่นแล้วค่อยลาออก อย่าบุ่มบ่ามประชดตัวเอง หรือคิดจะทำให้เขาเจ็บ หรือรู้สึกผิดกับการตัดสินใจที่ไม่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ

ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.


เมื่อเรารู้ว่าเนื้อคู่ (soulmate)ไม่ได้มีเพียงคนเดียว และยังมีคนมากมายนับร้อยนับพันที่จะเข้ามาในชีวิตเราแล้ว เราจะได้รู้อย่างไรว่าคนไหนที่เป็นเนื้อคู่ของเราในชาตินี้ ในวันนี้เราจะมาหาคำตอบนี้ด้วยกัน...

พรหมลิขิต (destiny)
จะช่วยชี้นำให้เราได้พบกับเนื้อคู่ของเราในชาตินี้ ทว่าพรหมลิขิตไม่สามารถช่วยให้เรากับเขาอยู่คู่กันได้ มีเพียงตัวเราเองเท่านั้นที่จะตัดสินใจว่าจะรับเขาไว้ หรือปล่อยเขาไป มีหลายคู่ที่มาพบกันแต่ว่าไม่แน่ใจในหัวใจของตัวเอง และเลือกทางที่จะทำให้ความรักที่ควรจะเกิดกลับมอดลงไปอย่างน่าเสียดาย สิ่งนี้เรียกว่าโศกนาฏกรรมของความรักอย่างแท้จริง เพราะเราอาจจะมีโอกาสพบเนื้อคู่เราเพียงชั่วเสี้ยวเวลา แต่เรากลับไม่เลือกทำอะไรที่จะรั้งคู่ของเราไว้และแล้วรอกระทั่งเขาจากไป

ดังนั้นสิ่งที่เราตัดสินใจทำ ลงไป
ณ นาทีนั้นจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิต และเมื่อเจอคนที่เราคิดว่าเขาเป็นเนื้อคู่ของเราแล้ว จงมองเข้าไปในส่วนลึกของเขา จงใช้หัวใจมอง ใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจว่าเขา"ใช่"คนที่เราตามหาหรือไม่ บางคู่ก็สามารถจำกันได้แค่เพียงสบตาเท่านั้น บางคู่ต้องการการสัมผัส บางคู่อาจจะต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม

มีหลายคู่ที่ตัดสินใจไม่ลงเอยกัน ถึงแม้ว่าจะได้พบกัน อยู่ด้วยกัน และเรียนรู้กันแล้วก็ตาม ทุกคู่มีทางเดินของตัวเอง อาจจะไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่โศกนาฏกรรม แต่เป็นหนทางของแต่ละคนที่จะเลือกเดิน อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบในเรื่องนี้มากมายนัก หลายคนหมกมุ่นและทุ่มเทในการค้นหาใครสักคน

สิ่งเหล่านั้นยิ่งทำให้ชีวิตลำบากมากยิ่งขึ้น ธรรมชาติไม่ได้สร้างให้เรารับรู้ถึงอดีตที่ผ่านๆมา รวมถึงไม่ได้สร้างเรามาเพื่อให้เรารับ



ขอขอบคุณจาก:fwdder


มาเติมความรักของคุณให้ชุ่มชื่นหัวใจด้วยสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่บางครั้งเราก็หลงลืมไปบ้าง เพราะใกล้ชิดกันมากเกินไป ลองปฏิบัติให้ได้ตามนี้ แล้วจะมัดใจคู่รักของคุณได้อยู่หมัดตลอดไป

ทำให้เขารู้ว่าคุณคิดถึง โทรศัพท์ อีเมล การ์ด อะไรก็ได้เลือกไช้ตามสะดวก


ขอโทษเมื่อผิด อย่าอาย ถ้าเป็นการขอโทษ ที่ออกมาจากใจจริง ไม่มีใครใจร้าย ไม่ยอมยกโทษให้คนที่สำนึกผิดหรอก


อย่าลืมวันสำคัญ ให้ของขวัญเซอร์ไพรส์กันบ้าง ไม่ต้องมีราคามากมายอะไรหรอก เรื่องอย่างนี้มันสำคัญที่ใจ


เป็นผู้ฟังที่ดี ทั้งเรื่องมีสาระและไร้สาระ อดทนฟังหน่อยพร้อมใส่อารมณ์คล้อยตามว่าสนุก น่าสนใจ


ดอกไม้ชัวร์สุด ถ้าแนบการ์ดพร้อมข้อความเก๋ๆ อีกละก็คะแนนนิยมพุ่งกระฉูดแน่นอน


ซื่อสัตย์มั่นคง ข้อนี้สำคัญมาก ต้องทำให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่ผลุบๆ โผล่ๆ


ตรงเวลาเป๊ะ ทุกครั้งที่นัด รอนิดรอหน่อยยังดีกว่า ผิดเวลาให้อีกฝ่ายอารมณ์บูด


ช่วยกันทำงานบ้าน ผู้หญิงซักผ้า ผู้ชายก็ช่วยล้างจาน ถ้างานบ้านเสร็จ จะได้เวลาจู๋จี๋กันไงล่ะ...


อยู่ในปัจจุบันนี้นะมันก็ต้อมีส่วนที่เหมือนกับคนในฝัน ของคุณบ้างล่ะ เพราะคงไม่มีใครหรอกที่ยอมคบกับใครสักคน โดยที่ไม่มีส่วนคล้ายกับคนในฝันแม้แต่สักนิดเดียว เพราะถ้า เป็นเช่นนั้นเราก็คงช่วยอะไรไม่ได้ แต่ถ้าคนของคุณในปัจจุบัน ไม่ต่างกับที่จินตนาการไว้นัก

เราก็มีวิธีมาแนะนำเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ เพื่อที่จะทำให้คนในความจริงกลายมาเป็นคนในฝันของคุณอย่างเต็ม 100% โดยที่คุณก็ไม่ได้บังคับจิตใจชองเค้าเลย


1. อยากให้เค้าดูดี
ก่อนอื่นก็คงต้องเริ่มจากภายนอกก่อนเลย และคุณคงไม่เถียงว่าคุณก็ อยากที่จะเดินกับคนที่เป็นไปในแบบที่คุณต้องการงั้นข้อนี้ก็ไม่ยากหรอกค่ะ

เพียงแต่เวลาคุณไป ไหนมาไหนกับเค้าคุณก็ต้องแต่งในแบบที่เป็นตัวของคุณเองเข้าไว้ อย่าพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ เป็นแบบเค้าพยายามรักษาไว้ให้เป็นเอกลักษณ์ และขั้นต่อมาเวลาเดินด้วยกันเวลาคุณเห็นใครที่ คุณว่าเค้าแต่งตัวในแบบที่คุณชอบก็ลองชี้ให้เค้าดูลองพูดกับเค้าดูว่าแต่งแบบนั้นแล้วดูดีจังลอง ถามความคิดเห็นจากเค้าดูว่าจะลองดูบ้างไหม แล้วก็ชมเค้าสักนิดว่าถ้าเป็นเค้าแต่งตัวต้องดูดี แน่ๆเลย

และขั้นสุดท้าย ไปซื้อเสื้อผ้าด้วยกันเลยค่ะไม่ใช่ไปถึงก็จับเค้าแต่งเค้าซื้อเพียงคนเดียว นะคะ เพราะมันดูว่าคุณนะบังคับเค้าจนเกินไป คุณก็ต้องซื้อของคุณด้วย ทำให้เค้าดูและเห็นว่า ถ้าคุณแต่งแบบนี้และเค้าแต่งแบบที่คุณเลือก เวลาคุณกับเค้าเดินด้วยกัน มันจะเข้ากันขนาดไหน


2. อยากให้เค้าเป็นสุภาพบุรุษ
คุณคงเคยดูหนังดูละคร และอยากให้แฟนของคุณเป็น แบบนั้นบ้างจังใช่ไหม อันนี้ก็ง่ายอีกเช่นกัน เพราะจริงๆ แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณน่ะแหละ ลอง คิดดูถ้าคุณอยากให้เค้าดูแลคุณอย่างกับไข่ในหิน ทนุถนอมสุดชีวิต แต่คุณกลับสามารถทำให้ ทุกเรื่อง ก๋ากั่นซะสุดชีวิต แล้วใครเค้าจะมานั่งดูแล เค้าก็ต้องคิดว่าคุณคงดูแลตัวคุณเองได้

และถ้าอยากให้เค้าพูดเพราะๆ คุณก็คงต้องเริ่มพูดคะขากับเค้าก่อน หัดให้ติดปาก ลองพูดกรอกหู แบบนี้เข้าไปบ่อยๆ ทุกวันๆ จะไม่หลุดกลับมาบ้างก็ให้มันรู้ไปคงต้องมีสักวันแหละที่น่าจะซึม ซับไปถึงเค้าได้


3. อยากให้เค้าโรแมนติก
ยากอยู่เหมือนกันนะข้อนี้ คุณคงต้องใช้ความพยายามสักเล็ก น้อย ไม่ง่ายเลยนะที่จะให้เค้าแสดงความรู้สึกออกมา เพราะปกติแล้วผู้ชายเค้าไม่ค่อยจะทำกัน แต่เราเข้าใจค่ะว่าคุณต้องการให้มันมีซะบ้างใช่ไหม

เพื่อความกระชุ่มกระชวยในหัวใจ ก็ไม่ ต้องมีพิธีรีตองแค่แสดงออกไปเลยค่ะ ว่าคุณนะเป็นคนโรแมนติกมากขนาดไหน เวลาถึงเทศ กาลวันสำคัญต่างๆ ถ้าเค้าไม่คิดที่จะสร้างบรรยากาศให้ดูโรแมนติก ก็นี่เลยค่ะ คุณก็เริ่มซะเลย สิ ไม่เห็นแปลกตรงไหน แล้วถ้าเป็นแบบนี้ นานๆไป เราเชื่อว่าความหวานที่มีอยู่ในตัวคุณต้อง แพร่ไปถึงเค้าอย่างแน่นอน


4. ไม่โกหก
ถ้าใครมีคนรู้ใจเป็นแบบนี้ก็นับว่าคุณเป็นคนที่โชคดีมากเลยรู้ไหม เพราะ สังคมไทยในปัจจุบันนี้หาคนที่ไม่โกหกนี่ยากมาก แต่ถ้าเค้าไม่อาการหนักขนาดที่โกหกเป็นกิจ วัตรประจำวันแล้วล่ะก็ มันก็สามารถที่จะรักษามันได้ ก็แค่คุณต้องรู้จักที่จะยอมรับและรับฟังใน สิ่งที่เค้าเล่าให้คุณฟัง

ลองคิดดูสิ คุณบอกเค้าว่ามีอะไรห้ามโกหกคุณนะ แต่เวลาเค้าเล่าความ จริงให้คุณฟัง คุณกลับฮึดฮัดขึ้นมาแบบกะทันหัน หรือบางทีก็โกรธเค้าซะเป็นฟืนเป็นไฟ แล้ว แบบนี้ใครเค้าจะมานั่งเล่าความจริงให้คุณฟังล่ะ เพราะเค้าก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าเล่าไปก็ทะเลาะกัน อยู่ดีและที่สำคัญที่สุดเลยนะคือ ตัวคุณเองนั่นแหละที่ห้ามโกหกกับเค้าด้วยในเมื่ออยากให้เค้า จริงใจกับคุณก็ควรที่จะจริงใจกับเค้าเสียก่อน แล้วเวลาเค้าโกหกคุณโดยที่คุณไม่โกหกเค้า เรา เชื่อว่าเค้าคงรู้สึกผิดไปอีกแสนนาน


5. รู้ใจ
ข้อนี้จริงๆ แล้ว ต้องเริ่มกระทำไปพร้อมๆ กับเวลาที่คุณกับเค้าเริ่มที่จะคบกัน เพราะการที่คนเราพอเจอกันปุ๊บก็รู้ใจและเข้าใจกันปั๊บมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้หรอก มันจำเป็น ต้องใช้เวลาค่อยๆ ทำความรู้ความเข้าใจซึ่งกันและกันไปเรื่อยๆ ค่อยๆศึกษาและเรียนรู้ในนิสัย ซึ่งกันและกันว่าสามารถปรับอะไรเพื่อให้มันเข้ากันได้ไหม

แต่ข้อนี้มีข้อแม้อยู่ว่าทั้งคุณและก็เค้า ควรที่จะนำเอาความดีและความดีที่น้อยไปนิดออกมาให้หมด ไม่ใช่แค่บังหน้าในระยะแรกๆ เพราะพอนานๆเข้า สักวันไม่คุณก็เค้าที่จะ เอาธาตุแท้ของตัวเองออกมา สู้รู้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ เจอมันจะดีกว่า เพราะจะได้หาทางปรับตัวเข้าหากันด้วยไง


6. ไม่ขี้งก หรืออีกแง่ก็ใจป้ำ
มันก็ต้องมีบ้างใช่ไหมเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน จนบางที่ดู เหมือนจะเป็นกฎตายตัวไปด้วยซ้ำ อันนี้ก็คงต้องพึ่งมารยาเสียบ้าง เวลาไปกับเค้าก็ไม่ต้องรีบ ควักซะจนวุ่นวายหยิบช้าๆ บ้างก็ได้เวลานั่งคุยกันก็ลองพูดคุยกับเค้าถึงเรื่องนี้ ดูว่าเค้าคิดยังไง กับข้อนี้ ถ้าเค้าต้องทำเค้าจะรู้สึกลำบากใจไหม หรือว่าเค้าไม่สะดวกหรือเปล่า

แต่ขอเตือนไว้ อย่างนะคะ อย่าให้เค้าเป็นฝ่ายออกเงินอยู่คนเดียว เพราะมันจะทำให้คุณดูเป็นคนเห็นแก่ตัวได้ ก็ให้เค้าออกแค่บางโอกาสก็พอนอกนั้นใช้ระบบอเมริกันแชร์ดูมันจะเวิร์คกว่านะ


7. ไม่นอกใจ
ชอบล่ะสิประเด็นนี้ จริงๆ แล้วข้อนี้มันก็ขึ้นอยู่กับทั้งคุณแล้วก็เค้านะ แต่ถ้าไม่ มีอะไรผิดพลาดแรงจูงใจที่จะทำให้เค้าเปลี่ยนใจโดยมากจะเป็นเพราะคุณ ลองนึกตามนะว่า ตอนที่เค้ามาชอบคุณใหม่ๆ เพราะอะไร เพราะคุณน่ารัก คุณเชื่อใจเค้าหรือ? เป็นเพราะเค้าชอบ ที่คุณเป็นตัวของคุณเอง

แต่พอคุณมาคบกับเค้าไม่นานนัก คุณก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่สดใส ร่าเริง เหมือนเก่า เริ่มสอบถามเค้าอย่างกับนักโทษ เปลี่ยนตัวเองเพื่อเค้าเสียมากมาย ในเมื่อคุณเองที่ เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นคุณคงไม่ใช่คนที่เค้าชอบแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้ความเป็นตัว ของคุณเองหายไปนะ


เราเป็นคนยังไงกันแน่นะเนี่ย ตรงไม่ตรง โดนไม่โดน อันนี้ก็ต้องพิสูจน์กันหน่อยแล้ว


เราต่างก็คงอยากมีสักเรื่องที่เป็นความสามารถพิเศษแบบชนะเลิศประจำตัวชิมิ แต่เธออยากจะมีความสามารถพิเศษเรื่องไหนล่ะ แอบอ่านใจคนฉบับนี้ ขอตั้งคำถามให้เพื่อนๆ ตอบเลย แล้วพอตอบเสร็จก็มาแอบอ่านใจกันว่า เราหรือเฟรนด์ๆ ของเราเป็นคนยังไงกันแน่นะเนี่ย ตรงไม่ตรง โดนไม่โดน อันนี้ก็ต้องพิสูจน์กันหน่อยแล้ว


ความสามารถด้านการทำอาหาร
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง การทำอาหาร เธอเป็นคนที่แรงฝังใน คือภายนอกเธออาจจะดูเรียบร้อย เป็นสาวหวาน แต่จริงๆ ภายในเธอออกจะแรง เอาแต่ใจ และหัวดื้อมากๆ เลยล่ะ เธอเป็นคนที่ขี้เหงามากๆ ค่อนข้างจะอ่อนไหวง่าย แต่พยายามไม่แสดงความรู้สึกภายในจิตใจออกมา จึงดูเหมือนเย็นชาไปโดยปริยายซะงั้น เธอชอบที่จะเจอผู้คน ติดโทรศัพท์ เพราะเธอมักไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ยิ่งช่วงไหนที่เธอไม่สบายใจ อกหัก รักคุด ถ้าเธออยู่คนเดียว เธออาจฟุ้งซ่านเข้าขั้นจิตตกได้ ดังนั้น เธอจึงควรที่จะออกไปหาเพื่อน หรือ พยายามอย่าอยู่เงียบๆ ลำพังเป็นดีที่สุด


ด้านการพูด
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง การพูด เธอเป็นคนที่ชอบเข้าสังคม ชอบเจอคนมากมาย เพราะเธอรู้สึกว่าการได้รู้จักคนมากๆ เป็นสีสันอย่างหนึ่งของชีวิต เธอชอบที่จะมีคนมารุมล้อม หรือทักทายใครๆ ในงานปาร์ตี้ไปทั่ว เพราะรู้สึกว่ามันเท่ดี เธอเป็นนคนที่มนุษยสัมพันธ์ดี เข้ากับคนง่าย แม้ว่าจะเพิ่งเจอกันครั้งแรก เธอก็มีความสามารถในการทำให้ใครๆ รู้สึกคุ้นเคยกับเธอเหมือนรู้จักกันมานาน เธอเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนกับคนแบบไหน เธอจะพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับเค้าได้เสมอ ทำให้เธอมีคนสนิทเยอะจนแทบไม่มีเวลาส่วนตัวเลย


การแสดง
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง การแสดง เธอเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน และมุ่งมั่นเอามากๆ เธอพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ กล้าลุยหรือลงมือทำอะไรเพื่อที่จะไปถึงความฝันของเธอ เธอมักเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วยความมุ่งมั่น และมั่นใจ เมื่อเธอตัดสินใจจะทำอะไรสักอย่าง เธอจะทำอย่างดีที่สุด เต็มที่ที่สุด และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถ้าหากเธอเกิดอาการท้อแท้ หรือทำพลาดหลายครั้งเข้า เธออาจจะเกิดการเสียเซลฟ์และไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อไปพักหนึ่ง แต่ไม่นานนัก เธอจะซ่อมหัวใจตัวเองจนหาย แล้วกลับมาเป็นคนเดิม


ร้องเพลงเล่นดนตรี
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง ร้องเพลง เล่นดนตรี เธอเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง มีความเป็นตัวของตัวเอง บางทีก็มากเกินไปจนดูกลายเป็นอีโก้ เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจ รักความสบาย ชอบการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องคิดมาก แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ดูเป็นคนที่รู้สึกง่าย อ่อนไหวสุดๆ เธอเป็นคนที่มักมีกรอบความคิดให้ตัวเอง บางทีก็ออกจะเป็นคนท้อแท้ง่าย ไม่ค่อยมุ่งมั่นเท่าไหร่ เธอชอบความสนุก ชอบอยู่ในความหวือหวา ชอบเที่ยวตามสถานที่ที่มีเสียงเพลง มีคนมากมาย เช่น ตามคอนเสริ์ต ผับ บาร์ หรือในงานปาร์ตี้ต่างๆ


วาดรูป

คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง วาดรูป เธอเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีอุดมการณ์ และมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ถ้าเธอเชื่อในเรื่องอะไร เธอก็จะเชื่อแบบหัวปักหัวปำ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเธอไม่เชื่อ เธอก็จะยืนยันในความคิดของตัวเองเสมอ เธอออกจะเป็นคนหัวรุนแรง พร้อมที่จะต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ จนบางทีมันก็มากเกินไปจนทำให้คนรอบข้างเป็นห่วง เธอเป็นคนใจดี อ่อนโยน รักธรรมชาติ ถ้าเลือกได้ เธอก็จะเลือกใช้ชีวิตอยู่ใกล้ๆ ธรรมชาติมากกว่าไปอยู่ในเมือง หรือชอบที่จะอยู่กับคนจำนวนน้อยๆ หรือคนแบบเดียวกันมากกว่าที่จะเจอคนหลากหลาย เพื่อนของเธอจึงมักมีน้อย แต่ชัวร์ว่าคบกันนานรักกันแน่น


ถ่ายภาพ
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง ถ่ายภาพ เธอเป็นคนที่ชอบการเดินทาง ผจญภัย ไม่ชอบการถูกกักขัง หรือทำอะไรอยู่ในกรอบ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกักอิสรภาพ เธอจึงเป็นคนที่คิดจะทำอะไรก็ทำ คิดจะไปไหนก็ไป จนบางทีก็ลืมแคร์คนรอบข้างไปเลย คนที่จะอยู่กับเธอได้ต้องเข้าใจเธอมากๆ ไม่งั้นจะมีปัญหาให้ต้องกลุ้มใจอยู่เสมอ เธอ ค่อนข้างจะมีความคิดแบบกบฏ ชอบที่จะคิดอะไรไม่เหมือนคนอื่น จนทำให้บางทีคนรอบตัวมองว่าเธอเป็นคนขวางโลก เธอมักพูดไม่ค่อยเก่ง แต่จะแสดงความรู้สึกด้วยการกระทำ ไม่ค่อยกล้าพูดอะไรหวานๆ แต่เมื่อรักใครก็จะรักจริง


การเขียน
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง การเขียน เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยหยุดนิ่ง ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ ชอบที่จะเดินทาง ชอบไปเห็นอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เธอพร้อมที่จะลุยทำอะไรใหม่ๆ แม้ว่าสิ่งนั้นจะดูแปลก แต่ถ้ามันคือการเรียนรู้ เธอก็มักจะเต็มใจทำ เธอชอบเข้าห้องสมุด ชอบนั่งนิ่งๆ และคิดอะไรไปเรื่อย จึงเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง และอาจดูเข้าใจยากในบางครั้ง เธอชอบพัฒนาตัวเองในด้านความคิด มากกว่าความสวยความงาม ชอบอยู่กับธรรมชาติ และมักจะถูกยกให้เป็นศิราณีประจำกลุ่มอยู่เสมอ


การประดิษฐ์
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง การประดิษฐ์ เธอเป็นคนที่ชอบอะไรที่ทันสมัย แปลกใหม่ เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุ่นใหม่ เครื่องมือต่างๆ เธอเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบครีเอท สามารถประยุกต์สิ่งรอบตัวให้เป็นประโยชน์จนใครๆ พากันทึ่ง เธอมีความคิดแปลกๆ ที่คนอื่นคิดไม่ค่อยได้ ซึ่งก็มักจะเป็นความคิดที่เข้าท่า คนอย่างเธอจึงสามารถประสบความสำเร็จได้ในหหลายๆ ทาง ขอเพียงแค่คิดอะไรนอกกรอบแต่ไม่เวอร์เกินเท่านั้นก็โอเคแล้ว เธอเป็นคนที่กล้าลุย กล้าทำ และเหมาะกับการเป็นผู้นำซะด้วย


กีฬา
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง กีฬา เธอมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และเป็นคนที่ไม่ท้อถอยง่ายๆ ถ้าเธอคิดจะทำอะไรแล้ว เธอจะต้องทำให้สำเร็จจนได้ แม้ว่าจะต้องผ่านการล้ม หรือพลาดหลายครั้ง เธอก็ไม่มีคำว่าท้อ เธอเชื่อว่ามนุษย์เราสามารถทำได้ทุกอย่างแค่เพียงมีความพยายาม เธอจึงไม่ปลื้มคนที่จับจด ทำอะไรไม่สำเร็จ เพราะเธอถือ่าเค้าไม่มีความพยายามนั่นเอง เธอเป็นคนที่ชอบการต่อสุ้ แข่งขัน มักจะเผลอคิดว่าทุกอย่างคือการแข่งขันไปซะหมด ทำให้บางทีเธอก็ลืมมองในเรื่องของมิตรภาพไป เพราะคิดว่าคนอื่นเป็นคู่แข่งอยู่เรื่อย


การเรียน
คนที่อยากมีความสามารถพิเศษชนะเลิศเรื่อง การเรียน เธอเป็นคนซีเรียส จริงจังกับชีวิตเอามากๆ เธอค่อนข้างจะเป็นเด็กหัวอ่อน อยู่ในกรอบ และเชื่อว่าการเรียนคือที่สุดของความสำเร็จ เธอเป็นคนขยัน มุ่งมั่น และมีความพยายาม แต่ข้อเสียของเธอคือ เธอมักจะเผลออยู่ในกรอบมากไปจนขาดความคิดสร้างสรรค์ เธอจึงไม่ค่อยสามารถประยุกต์สิ่งต่างๆ รอบตัวให้เป็นประโยชน์ได้ สำหรับเธอ 2 ต้องมาจาก 1+1 เท่านั้น ไม่เคยคิดเผื่อเลยว่า 2 เอามาจาก 3-1 ก็ได้เช่นกัน เธอจึงควรเปิดความคิดของตัวเองให้กว้างกว่านี้ แล้วเธอจะประสบความสำเร็จในชีวิตขั้นเทพ


เมื่อคนในสังคมทุกวันนี้ไร้ความอดทนและขาดความยืดหยุ่นกันนัก จนเมื่อไม่พอใจอะไรเดี๋ยวก็เซ็ง, เดี๋ยวก็เบื่อ ขึ้นมาง้ายง่าย

มิน่า คนที่ “รักด้วยอารมณ์” จึงไม่จีรังยั่งยืน เหมือน “รักด้วยสมอง” ที่ใช้เหตุและผลมาคะคานกระทั่งความไม่เข้าใจเดินมาถึงจุดคลี่คลายกันได้ในที่ซู้ด

เอาละวา เมื่อพูดถึงอาการไม่ลงรอยกันของคู่ “เคยรัก” จนถึงขั้นเลิกราแล้ว ไม่ว่าจะเลิกชั่วคราวหรือเลิกถาวร ย่อมมีคำถามตามมาว่า ทำไมพวกเราถึงได้เบื่อและต้องแยกทาง กับผู้ที่ครั้งนึงเคยรักอย่างสุดใจขาดดิ้นได้น้า?

ถ้าสังเกตกันดีๆ สาเหตุที่ทำให้เลิกกันก็มีไม่กี่อย่าง เช่น.....


เข้ากันไม่ได้ ปัดโธ่เป็นเหตุผลยอดฮิตที่คู่ไหนคิดอะไรไม่ออก ก็ยกเหตุผลนี้มาอ้างไว้ก่อน แถมไม่ยอมอธิบายด้วยน่ะสิว่าเข้ากันไม่ได้ยังไง, ตรงไหน แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของคู่ใครคู่มันอะนะ จะให้ไปเซ้าซี้ถามคงไม่งามเท่าไหร่

เบื่อมีคู่ แต่อยากอยู่คนเดียว จึงเลิกซะเลย ถ้านั่นเป็นความตั้งใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละก็ กรุณาบอกเหตุผลให้อีกฝ่ายเข้าใจด้วย จะได้จากกันด้วยดี ไม่ติดใจสงสัยว่า เอ๊ะกูไม่ดีตรงไหน อยู่ๆถึงอยากเลิก เชอะ ถ้ารู้ว่าไม่ใช่เค้าที่ไม่ดี แต่คุณเพี้ยนเปลี่ยนไปเอง เค้าจะได้ไม่ตกใจ ไม่ใช่อะไรหรอก

ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปมีคนใหม่ จึงหมดรักคนเดิมอ่ะดี้ ตรงนี้คงไม่ต้องสาธยายเพราะเจอะเจอประสบการณ์แบบนี้มาเยอะแล้วไม่ใช่เรอะ

คราวนี้ไม่ตั้งใจคุยถึงสาเหตุของการเลิกกันหรอกนะ แต่อยากหยิบประเด็น ทำไงถึงจะได้เลิกกับแฟนให้เด็ดขาดกันไปเลย? ดีมะ ไหนๆพูดเรื่องเจ็บๆแล้วก็ให้ระบมซะเลยละกัน เพราะเมื่อตัดสินใจเลือกทางเดินสายนี้แล้ว ก็ตัดสวาทให้ไฟรักมอดไปให้สนิทซะเลยซี

ส่วนทำไงดีเหรอ ก็ลองแบบนี้สิ......

1. ถ้ายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน ใช้วิธีโทรศัพท์ไปหาเค้า (แฟนซึ่งจะกลายเป็นอดีต) ของคุณบ่อยๆ
ขืนโทรศัพท์ไปกวนใจแทบทุกชั่วโมง จนเค้าไม่มีอันทำงานทำการก็เท่ากับไปเขย่าสมาธิให้แตกซ่านจนทำให้เค้าหงุดหงิดน่ะซี เพราะมัวรับโทรศัพท์อยู่นั่น หรือแม้ไม่ยอมรับแต่เสียงกริ่งโทรศัพท์ก็ดังสนั่นหวั่นไหวเรื่อยๆ จนเค้าแทบปาโทรศัพท์ทิ้ง หรือถ้าเป็นโทร.มือถือก็ปิดเครื่องไปเลยละก็ อาการบ้าคลั่งโทรศัพท์ ไปหาเค้าบ่อยๆนี่แหละ ขืนใครถูกทำหยั่งงี้ก็ตีความได้หรอกน่าว่า ถ้าไม่รักมากก็คงเกลียดมากจนต้องราวีกันด้วยวิธีนี้ ดังนั้นถ้าเค้ายังไม่ยอมร่ำลาปล่อยคุณไปละก็ เค้าย่อมรู้ว่าจะโดนก่อกวนทางสายอีกแหงๆ หากเค้าไม่ ยอมตามใจคุณ สักที ก็ขอให้ไปดีเถอะนะที่ร้าก!!!

แต่การเลิกลักษณะนี้ย่อมไปกระตุ้นต่อมโมโหและกวนประสาทอีกฝ่ายได้นะ แถมมีข้อเสีย เพราะหากภายหลังอยากคืนดีกัน ก็อย่าหวังจะทำกันได้ง่ายๆ อู้หู เลิกกันทางโทรศัพท์หรือเล่นส่งข้อความสั้นที่เรียกกันว่า SMS ถือเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนเลือดเย็นดีแฮะ


2. ถ้าอยู่บ้านเดียวกัน ก็หอบผ้าหอบผ่อนออกมาจากรังรักของพวกคุณสิ
นี่ไม่ได้แซวให้เลียนแบบคู่ดารารักขมนะเฟ้ย เพราะเป็นพฤติกรรมคลาสสิกที่ไม่ต้องเป็นดาราเค้าก็ทำกัน เพียงแต่พอดาราสร้างเรื่องคล้ายกันนี้ขึ้นมา โอ้โห ยิ่งย้ำให้เห็นว่าการเลิกกันด้วยวิธีนี้ได้ผลเกินคาด เพราะดีกว่าปล่อยให้เค้าโยนข้าวของของเราออกมาจากรังรักน่ะซี


3. หยุดให้ความสนใจใดๆ ในตัวเค้า
ลองเลิกเป็นห่วงเป็นใย ใส่ใจในความเป็นอยู่ของเค้าสิ แล้วเค้าจะรู้สึกถึงพฤติกรรมที่เปลี๊ยนไป๋ ของอีกฝ่ายมะ แต่วิธีนี้อาจไม่ทำให้แฟนหูตาสว่างในทันทีก็ได้ เพราะส่วนใหญ่ความรู้สึกช้าน่ะสิ แต่ถ้าเป็นงี้นานๆเค้าคงรู้ตัวแหละ ว่าเราไม่เหมาะที่จะอยู่ ด้วยกันแล้ว จะได้ชัดเจนกันไปซะที


4. บอกเค้าว่า คุณมีคนอื่นแล้ว โอ้...มายก๊อด วิธีนี้ทำให้เจ็บไปอีกนานเชียวนะ
ไม่ว่าจะมีมือที่สามจริงรึเปล่าไม่รู้ ถ้าอ้างเรื่องนี้ขึ้นมา อีกฝ่ายย่อมช็อกซีนีม่าแหงๆ ไม่มีใครอยากกินน้ำใต้ศอกของใครเชื่อดิ หากงัดวิธีนี้มาใช้ รับรอง เค้ากระเด็นไปจากคุณแน่ๆ ยกเว้นยังอาลัยอาวรณ์ กันอยู่ก็คงมีการฉุดรั้งกันมั่ง แต่อย่าถึงกะทำอะไรหวาดเสียวจนได้เป็นข่าวขึ้นหน้า 1 ของ นสพ.เลยนะ ไอ้ประเภทรับไม่ได้จึงสร้างคดีทำร้ายร่างกายขึ้นมา เห็นแล้วดูไม่จืดเลยอ่ะ


5. ทำเป็นจู้จี้จุกจิกและขี้บ่นจุ้นจ้านไปทุกเรื่องดิ
ถ้าเค้าผิดสังเกตว่า ทำไมคุณถึงทำตัวเรื่องมากตลอดเวลา รับรองเค้าต้องอยากถามเพื่อให้รู้คำตอบแหงๆ หากเค้าตกหลุมพรางนี้ จังหวะได้ล่ำลากันก็เป็นของคุณแล้วไง


6. แจกแจงความห่วยแตกของเค้าทั้งวี่ทั้งวันมะ
บ่นที่บ้านยังไม่พอ มีการตามไปราวีมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันในที่ทำงานของเค้าด้วย ไอ้หยา... ขืนเล่นแรงแบบขุดแต่เรื่องไม่ดีของแฟนมาประจาน แล้วใครจะทนไหวเล่า น่าสังเกตว่า หากใครงัดลูกเล่นนี้มาใช้ ต้องอยากเลิกกับเค้าให้สิ้นซากแหงๆ แต่ขออย่าให้เค้าตามมา “เอาคืน” ละกัน ไม่ว่าชาย/หญิงเวลาอารมณ์เดือดขึ้นมา ก็หน้ามืดทำอะไรเลวๆได้ทั้งน้าน เพราะหมดอารมณ์ดีด้วยแล้วไง


เอ้า ถ้าอยากตัวใครตัวมันกันจริงๆ ควรใช้วิธีนุ่มนวลกว่านี้ก็ได้ จะได้ทำให้ทั้งคู่แม้ไม่หลงเหมือนแต่ก่อนก็ ยังพอเป็นเพื่อนกันได้
แต่หากไม่อยากมีอดีตแฟนเป็นเพื่อนแล้วไซร้ อยากทำให้ชอกช้ำกันยังไงก็ทำเหอะ แต่ระวังกรรมสนองนะ และอย่าทะนงว่า “อย่างชั้นไม่มีทางโดนแฟนใหม่เฉดหัว” นะตัว เพราะเห็นมาเยอะแล้ว ที่มั่นใจตัวเองมากซะจนถูกแฟนใหม่ทิ้งให้กินแห้วซะอิ่มแปล้ไปเลย
ขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก sanook


หึง (และรับมือกับความหึง) อย่างไรให้ชีวิตรักไปโลด (Lisa)

ความหึงหรือการถูกหึงอาจทำให้ชีวิตรักปั่นป่วน และสร้างความเจ็บปวด แต่ความหึงก็อาจช่วยรักษาชีวิตคู่ของคุณไว้ได้ เพียงแค่ต้องรับมือกับมันให้ดี ๆ

เราทุกคนที่มีคู่รักต่างต้องเคยรู้สึกถึงความหึงหรือถูกหึงกันมาแล้วทั้งนั้น ด้วยเหตุผลที่อาจแตกต่างกันไป และผลที่ได้รับก็อาจแตกต่างกันไปด้วย ถ้าคุณรับมือกับความหึงได้ มาทำความรู้จักกับกลไกของความหึง รวมทั้งวิธีรับมือกับมัน ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายขี้หึงหรืออยู่กับแฟนขี้หึงก็ตาม

ความซับซ้อนของความหึง

ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาอธิบายว่า ความหึงเป็นปฏิกิริยาเกิดขึ้นต่อสิ่งซึ่งเขาหรือเธอเห็นเป็นการคุกคามต่อสัมพันธภาพ ความหึงต่างจากความอิจฉาตรงที่ความหึงมีความกลัวที่จะสูญเสีย และมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ความหึงยังมีอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน เช่น เจ็บปวด โกรธ เศร้า อิจฉา กลัว เสียใจ เสียหน้า การกล่าวโทษ การเปรียบเทียบกับคู่แข่งและความสงสารตัวเอง

คำอธิบายต่อสาเหตุของความหึงนั้น แตกต่างกันไป เช่น นักจิตวิทยาใน แนวฟรอยด์บอกว่า มักเกิดมาจากความเจ็บปวดจากากรถูกปฏิเสธในวัยเด็ก เมื่อเรารู้สึกว่าเราไม่ใช่ลูกรักของพ่อหรือแม่ ความรู้สึกเช่นนี้นำไปสู่ความรู้สึกไม่มั่นคงและความหึงโดยไม่รู้ตัว ส่วนนักชีววิทยาสังคมอย่างเช่น ชาณ์ลส์ ดาร์วิน ก็เชื่อว่า ความหึงเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด มันเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดในเชิงพันธุกรรม นั่นก็คือผู้ชายอยากได้คู่ที่เป็นของตนคนเดียว เพื่อจะได้ส่งต่อพันธุกรรมของตัวเอง ส่วนผู้หญิงก็อยากได้คู่ที่มีความจงรักภักดี เพื่อจะได้ช่วยดูแลลูก ๆ ให้อยู่รอด เป็นต้น

แต่คำอธิบายพื้นฐานะที่สุดของความหึงก็คือ ความหึงเกิดจากความรู้สึกไม่มั่นคง โดยเฉพาะถ้าคุณต้องพึ่งพิงคู่รักของตัวเองค่อยข้างมาก คุณก็มีแนวโน้มที่จะหึงได้ง่าย แต่ผู้ชายมักจะปฏิเสธความหึง ขณะที่ผู้หญิงพร้อมจะยอมรับมันมากกว่า แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ สำหรับคนที่เคยนอกใจคู่รักมาก่อนคนอื่นอาจคาดว่าเราจะหึงน้อยกว่า ถ้าคู่รักของเราเกิดมีกิ๊กขึ้นมา แต่การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า คู่ที่เคยไม่ซื่อสัตย์บางคนกลับขี้หึงมากกว่า

ความหึงก็มีข้อดี

ในชีวิตคู่ซึ่งเกิดความหึงหวงขึ้นเล็กน้อย และเป็นครั้งคราว มันเตือนให้คู่รักไม่ละเลยกัน และอาจทำให้ทั้งคู่หันมาใส่ใจกันมากขึ้น ความหึงทำให้อารมณ์รุนแรงจึงอาจทำให้การเมกเลิฟซาบซ่านยิ่งขึ้น ดังนั้น ความหึงในระดับที่พอรับมือได้ อาจกลายเป็นแรงผลักดันในทางที่ดีของความรัก แต่ความหึงที่มากเกินไปนั้นต่างกัน อย่างเช่น ผู้ชายซึ่งทำเรื่องน่าขายหน้าในงานปาร์ตี้ เพราะภรรยาไปเต้นรำกับเพื่อเก่า หรือผู้หญิงที่หน้ามืดด้วยความหึง เพราะสามีมีเจ้านายใหม่เป็นผู้หญิง ปฏิกิริยาเหล่านี้อาจทำให้ชีวิตคู่ตึงเครียดอย่างหนักและทำให้อีกฝ่ายรู้สึกราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนพื้นที่อันเปราะบาง

ฝ่ายถูกหึงต้องคอยหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความหึงหวงขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ส่วนคนที่หึงก็มักจะรู้ตัวดีถึงปัญหาของตัวเอง จึงมีอารมณ์แปรปรวนอยู่ตลอด ทั้งการตำหนิตัวเองและการแก้ตัวให้ตัวเอง

ถ้าคุณคือคนขี้หึง

การเอาชนะความหึงต้องใช้ความอดทน และความพยายามอย่างหนัก ถ้าคุณรู้สึกว่าความหึงของคุณมีรากเหง้ามาจากวัยเด็ก คุณอาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ถ้าคุณเพิ่งถูกนอกใจมา คุณจำเป็นต้องรับมือกับเรื่องนั้นก่อน และนี่คือสิ่งที่คุณสามารถทำได้กับตัวเอง

มองความจริง มองสิ่งต่าง ๆ ที่มา กระตุ้นให้เกิดความหึง และถามตัวเองว่า การคุกคามที่รู้สึกนั้นเป็นจริงแค่ไหน มีหลักฐานอะไรที่ว่าชีวิตรักของคุณกำลังอยู่ในอันตราย และพฤติกรรมของคุณกำลังทำให้สถานการณ์แย่ลงหรือเปล่า?

พูดสิ่งดี ๆ กับตัวเอง เมื่อคุณเริ่มรู้สึกถึงความหึง ต้องเตือนตัวเองว่าคู่ของคุณรักคุณ ผูกพันกับคุณ และนับถือคุณบอกตัวเองว่าคุณเป็นคนน่ารัก และไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หาความมั่นใจ หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการเอาชนะความหึงก็คือ ถามคู่ของคุณให้มั่นใจ (โดยต้องแน่ใจว่าคุณไม่ได้บ่นหรือขู่เขา) โดยบอกเล่าความไม่มั่นใจของคุณให้เขาฟัง และขอให้เขาช่วยคุณเอาชนะปัญหานั้น

การอยู่กับแฟนขี้หึง

การมีแฟนขี้หึงเป็นเรื่องน่าเหนื่อยใจ นี่คือบางวิธีที่อาจช่วยบรรเทาความหึงของเขาลงได้

มองปัญหาในแง่ดี จำไว้ว่า ความหึง คือสัญญาณของความรัก ถ้าแฟนของคุณไม่ให้ความสำคัญกับชีวิตรักของคุณ คุณก็จะไม่มีปัญหานี้ แทนที่จะป้องกันตัวเอง พยายามเข้าใจและเป็นกำลังใจให้เขาดีกว่า

ตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเอง ถ้าคุณรู้ว่ามีพฤติกรรมบางอย่างที่กระตุ้นความหึงของเขา เปลี่ยนมันซะ ถ้าคุณทำได้ จนกว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไขไป จงให้แน่ใจว่าได้ยึดในข้อตกลงใด ๆ ก็ตามที่มีต่อกันอย่างเคร่งครัดด้วย แต่หลีกเลี่ยงที่จะสัญญาอะไรที่คุณคิดว่ารักษาได้ยาก อย่างเช่น การให้เขา ติดต่อได้ตลอดเวลา เป็นต้น

สร้างความมั่นใจให้เขา ใช้โอกาสทุกครั้งที่มีบอกคู่รักว่า คุณรักเขามากแค่ไหน และทำไมคุณถึงไม่อยากจะอยู่กับคนอื่น ให้คำชมเขาเยอะ ๆ และพูดถึงอนาคตที่สุดวิเศษของคุณสองคนและบอกเขาว่า คุณอยากให้มันมาถึงมากเพียงใด


ขอขอบคุณข้อมูลจาก lisa

6 บทนำรักก่อนการถอด


6 บทนำรักก่อนการถอด (สยามดารา)

คนส่วนใหญ่มักจะไม่ใส่ใจว่าตนนั้นได้ทำอะไรบ้าง ขณะที่ตนนั้นยังทรงเสื้อผ้าอาภรณ์เต็มยศอยู่ ทั้ง ๆ ที่บทรักก่อนการล่อนจ้อนนั้น ช่างมีความสำคัญต่อการกระตุ้นอารมณ์ในเกมรัก อย่างมาก สาวๆ ปากแข็งหรือจะเป็นคุณหนุ่ม ๆ ปากบอกว่าไม่ .. ไม่ .. ไม่ แต่พอโดนบทเล้าโลมสุดวาบหวิวเข้าไป มีอันต้องระทวยแล้วยอมให้เปลื้องกายเตรียมพร้อมในวันเกิด แต่..ขณะยังมีเสื้อผ้าพันกายนี้ เราจะเล่นรักด้วยวิธีไหนดี

1. ลูบไล้ปลุกอารมณ์

ลองสังเกตดูเถิดค่ะ หลายครั้งสงครามรักระหว่างชายและหญิงเรา มีชนวนเหตุมาจากการลูบนู่นต้องนี่ จนกลายเป็นการหยอกเอินที่เลยเถิดไปถึงการก่ออารมณ์อยากได้ใคร่ดีขึ้นมา แม้จะมีเสื้อผ้าเป็นเกราะกำบังป้องกันการสัมผัสแบบเนื้อแนบเนื้อก็ตาม แต่ใช่ว่าแรงกระแทกและน้ำหนักจากการลูบไล้ไปตามเนื้อผ้าจะสร้างอารมณ์และ เร้าความรู้สึกไม่ได้ ยิ่งหากเป็นจุดอ่อนไหวและบอบบางอย่างตรงเนินหน้าอกของคุณผู้หญิง หรือเป้าลับของคุณผู้ชายด้วยแล้วอะไรก็ฉุดไม่อยู่

2. สูดกลิ่นกายของกันและกัน

เหตุที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องพรมน้ำหอมตรงต้นคอ ก็เพราะบริเวณซอกคอของเธอนั้นจะเป็นมุมที่คุณผู้ชายประกบสันจมูกของพวกเขา ได้อย่างลงล็อคพอดิบพอดี เมื่อนั้นกลิ่นน้ำหอมสุดจรุงจมูกก็จะระเหยโชยกลิ่นทิพย์ผ่านเข้ารูจมูกเข้า ไปทำปฏิกิริยากับสมองให้เกิดความรู้สึกว่าอยากเอาจมูกเข้าไปถูไถบริเวณต้น กำเนิดความหอมและสูดมันให้ชื่นจิต จนเป็นที่มาของการไซ้ซอกคอ

3. จี้อารมณ์ที่ต้นคอ

โดยเฉพาะคุณผู้หญิง อย่ามองข้ามความเสี่ยงของพื้นที่ต้นคอของตนเองเป็นอันขาด หากถ้าคุณผู้ชายสามารถเอาจมูกไปจ่อที่ลำคอของคุณได้แล้ว มันก็คล้ายกับการเอามีดมาจี้คอตัวประกันเพราะอย่างไรก็ไม่รอด ระทวยหมดแรงกันมาแล้วแทบทั้งสิ้น จนคุณไม่อยากให้เขาถอนจมูกออกจากต้นคอคุณเลยล่ะ นี่ถ้าไปเจอคนที่เชี่ยวๆ ด้วยแล้ว เขาจะชอนไชจมูกต่ำลงไปตามอวัยวะสุดหวงของคุณแบบไม่แตะต้องด้วยสองมือล่ำ ๆ ของเขา ซึ่งจะสร้างความรู้สึกร้อนรุ่มจนคุณต้องเอ่ยวอนเขาให้จับและขยุ้มมันทั้งใน ร่มผ้านั่นแหละ

4. สำรวจพื้นที่ของกันและกัน

แม้จะมีเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นชั้นนอกหรือชั้นใน มาเป็นอุปสรรคต่อการเชยชมทางสายตา แต่กลับไม่เป็นปัญหากับการเข้าถึงของมือเลยสักนิด ขณะที่ปากและจมูกของคุณกำลังบันเทิงกับอวัยวะสุดเลิฟของฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้น ก็ไม่ควรปล่อยให้มือของคุณต้องเดียวดาย จงหาเพื่อนเล่นคลายเหงาให้กับมัน ถ้าเป็นคุณผู้ชายมือของคุณคงสนุกแบบเต็มไม้เต็มมือกับซาลาเปายักษ์คู่โต หรือถ้าเลื่อนมือต่ำลงมาอีกสักนิดคุณก็จะพบดินแดนเบอร์มิวด้าสามเหลี่ยมพิศวง กระนั้นมือของคุณสาว ๆ ก็สามารถช่วยคุณผู้ชายขุนน้องชายให้โตไว ๆ ได้ แม้ยังนอนสงบอยู่ในกางเกง

5. ลื้มรสปาก

การจูบ เป็นวิธีแสดงความรักพื้นฐานสุดคลาสสิคที่ไม่จำกัดว่าจะต้องกระทำกันแค่ ปากต่อปาก แต่การจูบขณะที่คุณยังไม่อยู่ในเครื่องแบบของการทำรัก อาจจะทำให้ความสามารถในการเข้าถึงของปากและลิ้นนั้นลดลงเพราะมีเส้นใยกัน เปลือยมาเป็นฉากที่คอยกั้นพระเอกออกจากนางเอกสำหรับคุณผู้ชายเอง แม้ปากจะสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ว่านั่นคือเนินอก แต่พัตราภรณ์ทั้งข้างนอกและข้างใน ก็ทำให้ความเร้าใจลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น ถ้าจะให้ได้อารมณ์แบบเต็มร้อยก็ควรบดปากและขยี้ลิ้นลงบริเวณที่เป็นเนื้อ หนังมังสาด้วยกัน อร่อยกว่ากันเยอะ

6. ขยี้เป้าคลึงอารมณ์

อาจจะด้วยเพราะยังไม่ถึงเวลาหรือยังไม่เหมาะด้วยสถานที่ก็ตาม คุณก็เลยใจไม่ถึงพอที่จะถอดผ้าเปลื้องกายเล่นหวิวท้าฟ้ากันไปเลย คู่รักหลายคู่ก็เลยปล่อยอารมณืผ่อนรักกันด้วย วิธีการคลอเคลียแบบเป้าเสียดเป้าส่วนนูนส่วนเว้าแทน ยิ่งไอ้ประเภทมีที่ว่างไม่นั่ง แต่จะต้องนั่งตักกัน ฝ่ายชายก็เลยถือโอกาสเอาน้องหนูของเขาเถลือกไถลสีบั้นท้ายของฝ่ายหญิง แม้จะเป็นสัมผัสที่เกิดจากผ้ากระทบผ้าก็ตาม แต่ส่วนที่ล้นเป้าออกมานั้นมันกลับสร้างความรู้สึกแบบประทับจิตเสียวสันหลัง เวลาแนบชิด

ขอบคุญเนื้อหาดีๆจาก สยามดารา


เกมที่ทำให้รสรักสนุกขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)

ยิ่งครองคู่อยู่กันนานปี ความรักยิ่งมั่นคง (ถ้าโชคดี) หากแต่ความรื่นรมย์ของความสัมพันธ์ทางร่างกาย อาจต้องการเคล็ดลับใหม่ๆ บางอย่างมาช่วยกระตุ้นเชื้อไฟ

คุณเคยมีความพยายามต้องการทดลองทำอะไรใหม่ๆ (เกี่ยวกับเรื่องบนเตียง) กับคู่ชีวิตบ้างหรือไม่ เคยต้องการดึงซีกที่ไม่อ่อนหวานทางการร่วมรักในตัวภรรยาออกมาใช้เป็นแรงกระตุ้นทางเพศสำหรับตัวคุณเองบ้างหรือไม่ แทนที่จะพูดออกมาตรงๆ โดยบอกว่าเธอน่าเบื่อ! และไม่เคยเติมเต็มความต้องการของคุณได้เลย! ชวนเธอ เล่นเกม ต่อไปนี้จะดีกว่า

1. สลับหน้าที่

ครั้งต่อไป...หากคุณต้องการให้ภรรยารับบทเป็นผู้นำในเรื่องบนเตียงมากขึ้น หรือเป็นฝ่ายรุกมากขึ้น เคล็ดลับของเกมนี้ง่ายมาก แค่ขอให้เธอรับบท 'เล่นเป็นตัวคุณ' แล้วคุณรับบท 'เล่นเป็นตัวเธอ' ตั้งแต่ขั้นของการเล้าโลมกันเลย ด้วยคำขอลักษณะนี้ ภรรยาจะตะขิดตะขวงใจน้อยกว่าที่จะบอกให้เธอเล่นเป็นฝ่ายรุกโดยตรง อย่างน้อย...การบอกให้เธอเล่นเป็นตัวคุณ เธอยังพอนึกออกบ้างว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ถึงเวลานั้นเธออาจสนุกกับบทบาทใหม่ที่ได้รับก็เป็นได้ คุณเองก็เช่นกัน

2. กินอาหารสื่อการกระทำ

ฝรั่งแนะนำให้เตรียมอาหารมื้อเย็นที่บ้านให้ค่อนข้างพิเศษหน่อย โดยเฉพาะอาหารที่ต้องใช้มือในการช่วยรับประทาน เช่น ขนมปัง หอยนางรมสด ผักสด ผลไม้ หรือฟองดูช็อกโกแลต ฝรั่งบอกว่าการใช้มือรับประทานอาหารเป็นกิริยาที่ดูเซ็กซี่ได้เหมือนกัน เทคนิคคือเมื่อใช้นิ้วมือส่งอาหารเข้าปาก คุณอาจต้องดูดนิ้วมือเพื่อทำความสะอาดบ้าง ใช้จังหวะนี้แกล้งแสดงให้เธอเห็นว่าคุณอยากทำเช่นนี้กับบางส่วนของร่างกายเธอ เทคนิคนี้อาจต้องฝึกฝนกันก่อน เพราะการดูดนิ้วมือให้เซ็กซี่ไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ ฮอลลีวู้ดก็เคยใส่ฉากทำนองนี้ไว้ในหนังบ่อยๆ จูเลีย โรเบิร์ต เดมี มัวร์ ก็เคยเล่นบทดูดนิ้วมือตัวเองต่อหน้าพระเอกมาแล้วทั้งนั้นคำแนะนำเพิ่มเติมคือ อย่ากินให้มากจนเกินไป มิฉะนั้นคุณอาจอิ่มซะจนไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนเฉยๆ

3. เล่นไพ่ถอดเสื้อ

เกมนี้หลายคนอาจเคยได้ยินมาบ้างแล้ว คนแพ้ในแต่ละเกมต้องถอดเสื้อผ้าออกหนึ่งชิ้น แน่นอนเกมจะเร้าใจขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละเกมย่อมต้องมีผู้แพ้ เคล็ดลับอยู่ที่...เลือกเล่นไพ่ที่ไม่กินเวลานานเกินไปกว่าจะจบแต่ละเกม มิเช่นนั้นสมาธิของคุณแต่ละคนจะอยู่ที่การเล่นไพ่มากกว่าที่จะเล่นอย่างอื่น

4. แต่งตัวเปลี่ยนบรรยากาศ

หากคุณต้องการให้ภรรยาดูเหมือน นางพยาบาล คุณครู หรือสาวอาชีพอื่นๆ ก็หาเสื้อผ้าหรือเครื่องแบบคล้ายๆ คนในอาชีพนั้นมาให้ภรรยาใส่ คนเราพอใส่เสื้อผ้าของคนในอาชีพใด ความรู้สึกของคนที่มองมา ก็จะรู้สึกว่าได้มองคนในอาชีพนั้นไปโดยปริยาย ความรู้สึกที่ได้เมื่อร่วมรัก...ก็เช่นเดียวกัน แน่นอนหากภรรยาต้องการให้สามีแต่งตัวเป็นคนอื่นๆ สามีก็ต้องเตรียมหาคอสตูมไว้เหมือนกัน เพื่อความเท่าเทียมกัน

5. เขียนข้อความบนแผ่นหลัง

เกมนี้เป็นเกมที่ประหยัดเงินที่สุด และทำได้ง่ายที่สุด วิธีเล่นคือให้สามีหรือภรรยาใช้นิ้วมือ เขียนข้อความเป็นแผ่นหลังของอีกฝ่าย แล้วให้ทายว่าเขียนข้อความใด แน่นอน...ถ้าจะให้ดี ข้อความนั้นควรเป็นข้อความหรือคำที่เกี่ยวกับหรือโน้มเอียงไปในเชิงชู้สาว ข้อความที่ฝรั่งยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างก็เช่น kiss my penis ใช้นิ้วมือเขียนบนหลังของเธอ ถ้าเธอเดาไม่ออก คุณพอจะนึกออกใช่ไหมว่าจะสร้างเงื่อนไขเฉลยสิ่งที่เธออยากรู้คำตอบอย่างไร

6. เล่นเป็นคนแปลกหน้า

เกมนี้ฟังดูอาจพิลึก แต่ฝรั่งแนะนำให้ลองสวมบทเป็นคนแปลกหน้าระหว่างกัน เช่น ตกลงนัดพบกันที่บาร์แห่งไหนสักแห่ง แต่แกล้งทำเป็นว่าคุณสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน ถามชื่อเธอ เริ่มต้นพูดคุยเพื่อทำความรู้จักกัน เช่น คุณทำงานอะไร ว่างๆ ชอบทำอะไร ฯลฯ ซื้อเครื่องดื่มให้เธอ เอ่ยปากชวนเธอกลับบ้าน อาจดูแปลกๆ ในระยะแรก แต่เมื่อคุณสองคนกลับถึงบ้านและเริ่มต้นร่วมรักกัน คุณจะรู้สึกได้ถึงครั้งแรกที่ได้ร่วมรักกัน หากมีคนอื่นในบาร์ที่ได้ยินเกมที่คุณสองคนเล่น สำหรับฝ่ายสามี...อีโก้ของตัวเองก็จะเพิ่มขึ้นหน่อยๆ... ในฐานะที่เอ่ยปากชวนผู้หญิงกลับบ้าน แล้วผู้หญิงไม่ปฏิเสธ

เซ็กซ์คือเกม

เป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะรักษา ความสัมพันธ์ ให้รู้สึก 'ใหม่' อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณอาจจำเป็นต้องการสิ่งกระตุ้นบางอย่างด้วยการคิดซะว่า คุณเป็นคนอื่น บ้างในบางวัน และ การเล่นเกม ก็เป็นวิธีที่ง่ายที่จะช่วยให้คุณ 'เป็นคนอื่น' ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่า... เกมไหนที่จะเหมาะกับคุณและภรรยา


ขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ


ใครที่มีคนรักแล้วไม่อยากให้คนรักนอกใจ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีป้องกันคนรักนอกใจมาบอก...

วิธีที่ 1 เขียนบัญชีรัก ลองเอากระดาษและดินสอมาจดรายการ สิ่งที่เขาทำให้คุณมีความสุข ถึงแม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ และผลัดกันให้เขาเขียน สิ่งที่คุณทำให้แล้วเขารู้สึกมีความสุขบ้าง ผลัดกันอ่านแล้วอ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำด้วย คุณทั้งสองลองทำให้กันและกันอาทิตย์ละหนึ่งอย่าง วิธีนี้เป็นการยืนยันความรักของคุณและเขา และเป็นการบอกเขาว่าเขาสำคัญแค่ไหนสำหรับคุณ

วิธีที่ 2 เอาใจใส่ต่อปัญหาของกันและกันอย่างจริงจัง การเทคแคร์ดูแลกันในเรื่องทั่ว ๆ ไปยังไม่พอ คุณควรต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่ต่อปัญหา หรือสิ่งไม่สบายใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคู่คุณบ้าง และคอยฟังหรืออาจคอยช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างจริงจังเท่าที่คุณจะสามารถทำได้ การห่วงใยอาทรกันทั้งในยามสุขและยามทุกข์ จะทำให้ความรักของคุณหยั่งรากลึกไปจนถึงก้นบึ้งหัวใจของอีกฝ่ายเชียว

วิธีที่ 3 เดทกันที่เตียงนอน ไม่จำเป็นต้องรอให้มีอารมณ์อย่างว่าแล้วค่อยขึ้นเตียง บางคู่มักต่างรอให้กันและกันมีอารมณ์ตรงกันก่อนถึงจะตรงดิ่งไปที่เตียงนอนและมีเซ็กซ์ แต่บางทีถ้าอีกฝ่ายหนึ่งไม่มีอารมณ์ขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างรอพอดีเฉาตาย น่าจะลองนัดกันเล่น ๆ ดูว่าวันไหนที่ควรจะจูงมือกัน แล้วตรงดิ่งเข้าห้องโดยไม่ต้องรออารมณ์

วิธีที่ 4 อย่ามีความลับต่อกัน อันนี้สำหรับคู่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ความลึกลับระหว่างกันไม่ควรมีอีกต่อไป ถ้าคุณเก็บความลับเรื่องสำคัญไว้ นั่นเท่ากับเป็นการทลายกำแพงความไว้วางใจที่ควรมีต่อกันลงไปอย่างง่ายดาย ทั้งที่อาจจะใช้เวลาเป็นปี หรือหลายปีในการร่วมกันสร้างมันขึ้นมา อย่าลืมว่ารอยร้าวเล็ก ๆ จะขยายใหญ่ได้ไม่ยาก

วิธีที่ 5 จดจำสิ่งดี ๆ บางทีผู้ชายที่แสนดีตรงหน้าคุณ ที่คุณเคยทุ่มเทความรักจนหมดใจเมื่อ 3 ปีที่แล้ว หรือสาวแสนสวยที่อยู่หน้าคุณตรงนี้ ก็กลับกลายเป็นคนที่น่าเบื่อ น่ารำคาญ บ่อยครั้งสิ่งที่เคยน่าดึงดูดใจกลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญเอาง่าย ๆ แต่คิดสักนิดก่อนที่คุณจะไปมองคนใหม่ที่ใสกว่า ลองมองเธอหรือเขาดูอีกครั้ง มองให้เหมือนกับที่คุณเคยมองในตอนแรกๆ คุณอาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเก่า ๆ ของความรักและความชื่นชมที่เคยมีให้กันก็ได้

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมหันมาดูแลเอาใจใส่คนรัก คนรักจะได้ไม่นอกใจ.

ขอบคุณข้อความดีๆจาก เดลินิวส์